ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ชี้เป้าร้านอร่อย:  โกเบไม่ได้มีดีแค่เนื้อวัว!!!
"โกเบไม่ได้มีดีแค่เนื้อวัว" เมื่อพูดถึงเมืองโกเบ สิ่งแรกที่คนมักจะนึกถึงคือ "เนื้อโกเบ" แต่จริงๆแล้วเมืองโกเบมีอาหารอร่อยอีกมากมาย โดยเฉพาะ "ขนมหวาน"  เนื่องจากโกเบเป็นเมืองท่า ในอดีตมีชาวต่างชาติไปมาหาสู่ บางรายเข้ามาตั้งรกรากพักอาศัยในเมืองโกเบ วัฒนะธรรมของชาติต่างๆก็ถูกรับเข้ามาด้วย ส่งผลไปถึงอาหารการกินที่ค่อนข้างหลายหลาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีน อาหารตะวันตก รวมไปถึงอาหารเจแปนนิส ฟิวชั่น ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมกับอาหารตะวันตกจนกลายเป็นอาหารแนวใหม่ ที่มีรสชาติแปลกและอร่อยเลยทีเดียว วันนี้เราจะแนะนำร้านอร่อยเอาใจคนไม่กินเนื้อ มาดูกันสิว่าโกเบมีอะไรน่ากินบ้าง!!

ร้านราเมง GASHOKEN
เริ่มกันที่ร้านแรก ร้าน Gashoken Ramen เป็นร้านขายราเมงหมูล้วนๆ ไม่มีเมนูเนื้อวัวมาเจื้อปน ร้านนี้ขอเรียกว่าเป็นราเมงน้ำซุป 4 สี เพราะมีราเมงให้เลือกกินถึง 4 รส แต่ละรสจะมีสีของน้ำซุปแตกต่างกันไป ร้านนี้จะใช้น้ำซุปกระดูกหมูเป็นตัวตั้งต้น เคี่ยวนาน 3 วัน จะได้สีของน้ำซุปกระดูกหมูสีขาวนวล รสชาติกลมกล่อม ส่วนเนื้อหมูของร้านนี้จะเป็นหมูสไลด์บางๆ นุ่มมากเวลาเข้าปากแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย บะหมี่จะใช้เป็นเส้นเล็กกินเข้ากับน้ำซุปได้ดี เรามาทำความรู้จักกับราเมงทั้ง 4 รสกันเลย


-TONKATSU SHIRO GASHO: เป็นราเมงซุปกระดูกหมู รสดั้งเดิม น้ำซุปสีขาวนวล รสชาติเบาๆ ไม่เข้มข้นจนเกินไป

-AKA GASHO: ราเมงซุปกระดูกหมู จะเหมือนกับรายการแรก แต่จะมีส่วนผสมของซอสเผ็ด Topping อยู่ด้านบน เวลาจะกินให้ผสมซอสเผ็ดเข้ากับน้ำซุป จะได้น้ำซุปสีแดงๆ มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย สำหรับคนไทยอย่างเรา กินสบายๆ

-MIDORI GASHO: ราเมงน้ำซุปกระดูกหมู มีส่วนผสมของใบโหระพาและชีส น้ำซุปจะเป็นสีเขียวๆ เป็นรสชาติที่แปลก ไม่เคยเห็นร้านไหนทำรสชาติแบบนี้ออกมาเหมือนกัน กลิ่นของใบโหระพากับชีสค่อนข้างชัดเจน ถ้าใครชอบกินแนวๆสปาเก็ตตี้เพสโต้ซอส ลองรสนี้ดู รสชาติจะออกไปในทิศทางเดียวกัน

-KURO GASHO: ราเมงน้ำซุปสีดำ มีส่วนผสมของดีปลาหมึก กระเทียมเจียวและน้ำมันงารสเผ็ด น้ำซุปรสชาติเข้มข้นมาก มีกลิ่นหอมของกระเทียมเจียว ส่วนตัวให้รสนี้ชนะเลิศ 

วิธีการเดินทางไปร้าน Gashoken Ramen คลิ๊กที่นี่

ร้านเค้กผลไม้ A LA CAMPAGNE
ร้านนี้โดดเด่นในเรื่องทาร์ทผลไม้หน้าต่างๆตามฤดูกาลสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่น ไม่กว้างมาก มีไม่กี่ที่นั่ง ร้านเค้กของญี่ปุ่น โดยทั่วไปมีกฎอยู่ว่า ถ้าจะนั่งกินในร้านจะต้องสั่งเค้กอย่างน้อยคนละหนึ่งชิ้นตามจำนวนคนถึงจะสามารถนั่งกินในร้านได้นะครับ


จากการสอบถามกับพนักงานร้าน ได้ความว่า ทาร์ตรสส้มขายดีเป็นอันดับหนึ่ง จะเป็นมูสครีมรสส้ม topping ด้วยผลส้มชิ้นโตๆ ส่วนทาร์ตหน้าผลไม้รวมได้รับความนิยมเป็นอันดับที่สอง เค้กร้านนี้โดยรวมรสชาติถือว่าดี ไม่หวานจนเกินไป นอกจากทาร์ตหน้าผลไม้แล้วยังมีทาร์ตหน้าอื่นๆให้ลองอีก เช่น ทาร์ตหน้าช็อคโกแลตหรือหน้าบลูเบอรี่แคลมเบิ้ล แต่แนะนำให้สั่งทาร์ตผลไม้เป็นหลัก


วิธีเดินทางไปร้านเค้ก A La Campagne คลิ๊กที่นี่

ร้านซาลาเปา ROSYOKI
ร้านนี้การันตีความอร่อยด้วยจำนวนคนต่อแถวยาวเยียด เห็นแถวยาวแบบนี้ จริงๆก็รอไม่นาน คนขายเค้าทำเร็ว รอสักประมาณ 15 นาทีก็ได้ซื้อละ ร้านนี้มีกฎอยู่ว่า ถ้าจะนั่งกินในร้านจะต้องสั่งอย่างน้อยคนละ 3 ลูก (มา 2 คนก็ต้องสั่งอย่างน้อย 6 ลูก) ถ้าสั่งกลับบ้านต้องสั่งอย่างขั้นต่ำ 3 ลูก ซึ่งลูกนึงเล็กนิดเดียว ขนาดน่าจะสักประมาณครึ่งลูกของซาลาเปาบ้านเรา คนเดียวกินสามลูกสบาย ภายในร้านเล็กมาก มีอยู่ไม่กี่โต๊ะ แนะนำให้ซื้อออกมากินข้างนอกดีกว่า

เค้าจะเอากระดาษมาห่อซาลาเปาให้เรา สั่งหลายๆลูกเค้าก็สามารถห่อได้นะ ถามว่ารสชาติเป็นยังไง มันจะเป็นซาลาเปาไส้หมูสับ รสชาติออกเค็มๆ หมูสับข้างในยังฉ่ำน้ำอยู่เลย ตัวแป้งซาลาเปาไม่หนามาก บังเอิญเป็นคนชอบกินรสเค็ม กินพร้อมกับแป้งซาลาเปาก็อร่อยดี


วิธีการเดินทางไปร้านซาลาเปา Rosyoki คลิ๊กที่นี่

ร้านเค้ก PATISSERIE MONTE PLUS
ร้านเค้กที่ตั้งอยู่โดดๆบนถนนที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน แต่ภายในร้านกับคึกคักเต็มไปด้วยผู้คน บรรยากาศหน้าร้านดูดี ทำให้รู้สึกว่าเค้กเค้าต้องอร่อยแน่ๆ


ร้านนี้มีเค้กให้เลือกเยอะ แต่ที่ได้รับความนิยมสุดสุดในร้านจะเป็นชิ้นนี้ พิวเดอมูล มูสส้มสีขาวมีส่วนผสมของผลส้ม Topping ด้วยคาราเมลเบิรน์จนกรอบเป็นแผ่นบางๆ แต่ที่ถูกใจที่สุดเห็นจะเป็นเมอแรงมูสครีมรสชาติเบา กรอบ ไม่หวานมาก สรุปร้านนี้เลิฟเลย ยกให้เป็นร้านปักหมุดที่ใครมาโกเบต้องมาลอง


วิธีการเดินทางไปร้านเค้ก Patisserie Monte Plus คลิ๊กที่นี่

ร้านเครป DIPPER DAN CREPE
Dipper Dan Crepe ร้านเครปผลไม้ขั้นเทพ มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น จริงๆทางร้านมีเสริฟทั้งเมนูคาวและหวาน แต่เท่าที่ดูเหมือนคนจะชอบสั่งเป็นเครปผลไม้มากกว่า จุดเด่นของเครปร้านนี้อยู่ที่เนื้อแป้งที่นุ่มเหนียว ครีมเยอะๆ ผลไม้แน่นๆ กินเข้ากับเนื้อแป้งได้เป็นอย่างดี

วันที่มาถึงคนเยอะเป็นพิเศษ เพราะมีโปรโมชั่น "ทุกหน้า ทุกรส ราคาเดียว 300 เยน" ลองสั่งเป็นเมนู Christermas 2017 เป็นเมนูตามฤดูกาล ครีมเยิ้มๆ สตอเบอรี่เต็มๆ มี Green Tea Brownie วางอยู่ด้านบน ข้างในยังมีไอศรีมอีกลูก มันอร่อยจนอยากบอกต่อจริงๆ


วิธีการเดินทางไปร้านเครป Dipper Dan Crepe คลิ๊กที่นี่

ร้านชาเขียว NANA'S GREEN TEA
จากร้านเครป เดินตรงๆมาใกล้กับประตูทางออก South จะเจอกับร้าน Nana's Green Tea นี่ก็เปิดอีกร้านนึงที่มีสาขาทั่วญี่ปุ่น สำหรับคนที่ชื่นชอบชาเขียวต้องไม่พลาด ร้านนี้เค้าจะใช้ชาเขียวคุณภาพดีมาทำเป็นเมนูทั้งคาวหวาน แต่ที่อยากจะแนะนำจริงๆจะเป็นเมนูประเภทเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็น รสชาติของชาเขียวเข้มข้นมาก แนะนำให้ลอง Green Tea Latte ชาเขียวรสเข้มข้น ฟองนุ่มๆ ไม่หวานมาก รสชาติกลมกล่อมกำลังดี นอกจากนี้ยังมีชาเขียวถั่วแดงโมจิ เสริฟร้อน ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อยากจะแนะนำ



ร้านข้าวอบชีส KOBE MOTOMACHI DORIA
มาที่ร้านสุดท้ายกันเลยกับเมนูเอาใจคนชอบชีส ร้าน Kobe Motomachi Doria ร้านข้าวอบชีสกะทะร้อน หรือ Doria Rice ร้านนี้ทุกเมนูมีชีสเป็นส่วนประกอบหลัก มีเมนูให้เลือกมากมาย มีทั้งข้าวอบชีสซอสมะเขือเทศ ข้าวอบชีสครีมซอส หรือจะเป็นข้าวอบชีสซอสโบโลเนส แต่ละเมนูความเข้มข้นของชีสมากน้อยไม่เท่ากันแล้วแต่คนชอบ ที่สำคัญเมนูข้าวอบชีสนี้เป็นเมนูที่ประยุคมาจากอาหารตะวันตกมาเป็นแบบฉบับของญี่ปุ่น ซึ่งจะหากินได้ในญี่ปุ่นเท่านั้น


เราสั่งเมนู Cheese Fondu เป็นข้าวอบชีสหน้าซีฟู๊ดเสริฟบนกะทะร้อน เมนูนี้ชีสจะเข้มข้นมาก ใครชอบชีสแบบเข้มข้นให้ลองดู มันจะคล้ายๆรีซอตโต้นะ แต่มันจะครีมๆกว่า ถึงแม้จะหนักชีสแต่รสชาติก็ถือว่าอร่อยกลมกล่อมกำลังดี อีกเมนูที่จะแนะนำเป็นข้าวห่อไข่ หรือ Omu Rice นี่ก็เป็นอีกเมนูที่เห็นคนสั่งกันเยอะ ไข่กับชีสที่ราด topping อยู่ด้านบนกินเข้ากันได้ดีจริงๆ


วิธีการเดินทางไปร้านข้าวอบชีส Kobe Motomachi Doria

ทั้งหมดนี้ก็เป็นร้านอร่อยในโกเบที่เราได้เดินสำรวจและลองชิม แล้วมาบอกต่อกัน ก็หวังว่าคงพอจะเป็นไอเดียให้สำหรับคนที่มาโกเบแล้วไม่กินเนื้อวัว น่าจะมีร้านที่ถูกปากถูกใจบ้างละ ยังมีร้านอร่อยในโกเบอีกเยอะให้เราได้สำรวจกันอีก ก็ไว้เป็นโอกาสหน้าจะมาแนะนำกันอีกนะครับ ขอให้สนุกกับการเดินทางครับ

ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำโรงแรมโดนๆ: Urashima Hotel  โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกับสุดยอดออนเซน!! วันนี้มารีวิวโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีชื่อว่า Urashima Hotel ตั้งอยู่ในจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) เมืองคิอิคัทสึอูระ (Kiikatsuura) เมืองนี้เป็นแหล่งจับปลาทูน่าได้มากที่สุดของญี่ปุ่นด้วย โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่เกาะ ประมาณว่าเกาะทั้งเกาะเป็นของเค้า พื้นที่หลักๆแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกตั้งอยู่เชิงเขาด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ reception และห้องพักบางส่วน ส่วนพื้นที่ที่สองจะตั้งอยู่บนเขาซึ่งเป็นส่วนของห้องพักในระดับราคาที่แพงขึ้นไป มีจุดชมวิว รวมไปถึงออนเซนในบรรยากาศสุดยอด ไฮไลท์ของโรงแรมคือบ่อออนเซนทั้ง 6 บ่อในบรรยากาศออนเซนที่อยู่ในถ้ำริมหน้าผาติดทะเล จะสวยงามอย่างไรตามมาชมเลยครับ เนื่องจากตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเกาะที่แยกตัวออกไป การเดินไปโรงแรมเราต้องนั่งเรือข้ามไป ซึ่งทางโรงแรมก็มีบริการเรือรับส่งให้กับนักท่องเที่ยวฟรี รอสักพักเรือของโรงแรมก็มา จากท่าเรือมองเห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ นั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง เข้ามาถึงโรงแรมก็จะเจอเคาน์เตอร์ Check in ก่อน หลั
ร้านอร่อย NAGOYA : พากิน ประชัดความอร่อย!! วันนี้จะพามากินเมนูเด่นเมนูดังในเมืองนาโกย่า ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ ร้านแรกที่จะพาไปกินคือร้านข้าวหน้าหมูทอด yabaton เมนูเหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ความพิเศษของข้าวหน้าหมูทอดร้านนี้คือเจ้าตัวซอสมิโซะที่ใช้ราดบนหมูทอด แตกต่างจากร้านทงคัตสึทั่วไปที่จะกินกับซอสวูสเตอร์(ซอสรสเปรี้ยวอมหวาน) ซึ่งเจ้าซอสมิโซะก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองนาโงย่านี่แหละ อีกเมนูนึงที่จะพาไปกินคือข้าวหน้าปลาไหล Horaiken ร้านนี้เป็นต้นกำเนิดเมนูข้าวหน้าปลาไหลเลยนะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น สำหรับผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย วันนี้พาไปกินร้านดังทั้งสองร้านของเมืองนาโงย่า ส่วนร้านไหนอร่อยกว่ากันให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินเองนะครับ^^ YABATON  ข้าวหน้าหมูทอด เริ่มที่ข้าวหน้าหมูทอด Yabaton ก่อน ร้านนี้จริงๆมีสาขาอยู่ทั่วเมืองนาโงย่า ประมาณว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ แต่เราจะพามาที่สาขาตรงสถานีรถไฟ JR Nagoya หาง่ายหน่อย พอมาถึงสถานีรถไฟ JR Nagoya แล้วให้เดินออกทางด้านหลัง ตรงทางออก Taiko-do
แนะนำโรงแรมโดนๆ: SARUGAKYO โรงแรมเต้าหู้ ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ ที่เรียกว่าโรงแรมเต้าหู้เพราะมีโรงงานทำเต้าหู้เล็กๆอยู่ภายในโรงแรม ที่สำคัญเค้าสามารถนำเอาผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ที่ทำเองมารังสรรค์เป็นเมนูหลากหลายให้แขกที่มาพักในโรงแรมได้ทานกันทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็น ขอบอกเลยว่าอร่อยมาก ไม่คิดว่าเต้าหู้จะสามารถนำมาทำเป็นอาหารทั้งคาวหวานได้หลากหลายแบบนี้ ตามมาดูกันเลย Sarugakyo (อ่านว่า: ซารุกาเคียว) เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ(Gunma) ในเมืองมินาคามิ (Minakami) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติโจชินเอะสึโคเก็น ติดกับทะเลสาบอะคายะ อีกฟากของโรงแรมจะเป็นเทือกเขาทานิกาว่า มีทัศนียภาพสวยงามตลอดทั้งปี บริเวณล๊อปบี้ของโรงแรมสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบอะคายะได้อย่างชัดเจน โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมด 52 ห้อง มีตั้งแต่ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น และห้องพักที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นผสมตะวันตก มาดูโรงงานเต้าหู้ภายในโรงแรมกันบ้าง โรงงานจะเป็นอาคารชั้นเดียวแยกออกมาต่างหากจากอาคารที่พัก ตั้งอยู่ชั้นล่
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Shizuoka พอพูดถึงการมาเที่ยวชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนจะนึกถึงเมือง Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi จริงๆแล้วภูเขาไฟฟูจิมีพื้นที่ติดกับสองจังหวัดในญี่ปุ่น อีกจังหวัดที่กล่าวถึงคือจังหวัด Shizuoka ซึ่งจะมีทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามแตกต่างกันออกไป การมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดชิซูโอกะ เราจะได้พบกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิกับไร่ชาเขียวซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ รายละเอียดโปรแกรมการเที่ยว เริ่มจากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shizuoka Sta. ต่อรถบัสมาเที่ยวแถบ Nihondaira แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิว (1)Nihondaira Hill สัมผัสกรรมวิธีการเก็บใบชาที่ (2)Nihondaira Tea Hall ถ่ายรูปไร่ชาโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ตลอดจนแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ที่ร้านขายชาในสวน จากนั้นเดินกลับมาขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขา Mt.Kuno ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า (3)Kunosan Toshogu ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนั่งกระเช้ากลับลงมาต่อรถบัสกลับเข้าไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นช็อปปิ้งที่ถนน (4)Gofukucho Dori แวะทานทาร์ตผลไม้ร้านดัง (5)Qu'il Fait Bon
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!! จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji
เลิกงงซะที ในสถานีรถไฟญี่ปุ่น!! หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก เพราะมันสะดวกและไปได้ทั่วถึงทุกที่ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่คงจะงงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่น ไม่ใช่เฉพาะแค่มือใหม่หัดเที่ยว ขนาดมือเก่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้วบางคนยังมีอาการมึนงง นั้นเป็นเพราะมันมีรถไฟหลายประเภทหลายสายมากๆ แค่ยืนดูแผนผังรถไฟก็งงแล้ว วันนี้เรามาบอกวิธีการสังเกตง่ายๆในการทำความเข้าใจระบบรถไฟของญี่ปุ่น เพื่อจะขึ้นรถไฟแล้วไม่งงไม่หลงอีกต่อไป ทำความรู้จักกับประเภทของรถไฟต่างๆในญี่ปุ่นกันก่อน ถ้าจะให้แบ่งประเภทรถไฟในญี่ปุ่นก็อาจจะแบ่งได้หลักๆเป็น 3 ประเภท 1. รถไฟ JR 2. รถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) 3. รถไฟใต้ดิน(Subway) ที่ต้องการแบ่งให้เห็นชัดเจนอย่างนี้เพราะรถไฟแต่ละประเภทจะมีชานชาลา(Track)และมีรางวิ่งเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถ้าคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) คุณก็ต้องเดินไปขึ้นที่ชานชาลาเฉพาะของรถไฟ Shinkansen นั้นเอง เรามาลองทำความรู้จักรถไฟแต่ละประเภทให้มากขึ้น รถไฟ JR เป็นเครือข่ายรถไฟที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งวิ่งในตัวเมืองและวิ่งข้าม
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Kanagawa: เที่ยว 2 สถานศักดิ์สิทธิแห่งเมืองคามาคุระ  ตามหาเทพมังกรบนเกาะเอ็นโนชิมะ   โปรแกรมนี้ค่อนข้างแน่นถ้าจะเก็บให้ครบต้องออกแต่เช้า จบทริปก็สักประมาณหัวค่ำ ทริปนี้เริ่มจากเดินทางถึงสถานีรถไฟ  Hase Sta. เดินไปขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่วัด (1) Hasedera Temple หลังจากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาพระใหญ่ไดบุสึที่วัด (2) Kotoku-in Temple จากนั้นเดินทางต่อไปที่เกาะ (3) Enoshima Island ใช้เวลาเที่ยวบนเกาะประมาณ 3 -4 ชั่วโมง เหตุผลที่ให้เที่ยวเกาะ Enoshima เป็นที่สุดท้ายเพราะในเวลาตอนเย็นช่วงพลบค่ำบนเกาะจะเปิดไฟสวยงาม จะได้ชมบรรยากาศไปอีกแบบนึง จบทริปก็เดินทางกลับ Tokyo ENOSHIMA KAMAKURA FREE PASS การเดินทางในทริปนี้แนะนำให้ซื้อ Enoshima Kamakura Freepass 1 day เป็นพาสใช้เดินทางไปตามเมืองต่างๆ ในจังหวัด Kanagawa ภายใน 1 วัน ราคา 1,470 เยน ซึ่งจะประหยัดกว่าแยกจ่ายค่ารถไฟเป็นเที่ยวๆ (ในกรณีที่มี JR Pass ไม่ต้องซื้อพาสนี้ก็ได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่ารถไฟบางขบวนอยู่ดี) ส่วนสถานที่จำหน่ายตั๋วก็สามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราได้เลย หรือจะซื้อจากตู้จำหน่ายตั๋วในสถ
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ HANKYU HIGHWAY BUS เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway) รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง -สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Chiba เสน่ห์ 2 เมืองเก่าในจังหวัดชิบะ ตามรอยละครดัง ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้เดินเล่นชมเมืองสบายๆในเขตเมืองเก่าทั้ง 2 เมืองในจังหวะดชิบะซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนที่พาดหัวไว้ว่า "ตามรอยละครดัง" เพราะว่ามีหนังญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้โลเคชั่นของวัดนาริตะซันกับเมื่องโบราณซาวาระเป็นที่ถ่ายทำด้วย การเดินทางสู่เมืองนาริตะเริ่มจากสถานีรถไฟ Tokyo Sta. นั่งรถไฟสาย JR Sobu Line Rapid Service ถึงสถานี Narita Sta. ใช้เวลาเดินทาง 73 นาที (จริงๆมีขบวนอื่นสามารถเดินทางมาถึงได้เหมือนกัน แต่ขบวนนี้ง่ายที่สุดแล้ว) รถไฟจะแวะจอดที่สถานี Chiba Sta. ไม่ต้องลง นั่งต่อไปเลยจนถึงสถานี Narita Sta. รถไฟขบวนนี้จะมีทุกๆชั่วโมง ถึงเมืองนาริตะ เที่ยววัดดังประจำจังหวัด Naritasan Shinshoji ตลอดเส้นทางสู่วัดนาริตะซังจะผ่านถนนสายการค้า Omotesando ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง และร้านอาหารยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะพบ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Saitama ย้อนวัยเด็กที่ตรอกลูกกวาด ตามหาเครื่องรางที่ศาลเจ้าแห่งความรัก ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่นมาก เที่ยวสบายๆ เพราะเที่ยวอยู่แค่ในเมือง Kawagoe ที่เดียว แต่ในเมืองมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะให้เราเที่ยวกันได้ทั้งวัน วิธีการเที่ยวในเมืองที่ดีที่สุดคือการเดินเที่ยวรอบเมืองจนไปสุดที่ศาลเจ้า Hikawa Shrine แล้วนั่งรถเมล์กลับมาที่สถานีรถไฟ เริ่มจากหน้าสถานีรถไฟ Kawagoe Sta. เดินไปเขตเมืองเก่า Kurazukuri จะผ่าน (1)ถนนชอปปิ้ง Crea Mall  ลักษณะจะคล้ายๆกับถนน Takeshita dori ในฮาราจูกุ จากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิที่ (2)วัด Kitain  วัดสำคัญประจำเมือง ชมพระพุทธรูปหินกว่า 540 องค์ที่มีชื่อเสียงของวัด  แวะรับประทานข้าวหน้าปลาไหลที่ร้านดัง (3)ร้าน Ichinoya  หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เดินต่อมาอีกสักพักจะเข้าสู่ (4)เขตเมืองเก่า Kurazukuri  แวะถ่ายรูปกับ (5)หอระฆัง Toki no kane  เป็นที่ระลึกซึ่งเป็น Landmark สำคัญในเขตเมืองเก่าแห่งนี้ เดินต่อไปอีกนิดจะไปถึง (6)Candy Alley หรือตรอกลูกกวาด ก่อนจะไปขอพรเรื่องความรักกันที่ (7)ศาลเจ้า Hikawa Shrine  จบโปรแก