ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ Kumano Sanzan และเส้นทางแสวงบุญ มรดกโลกแห่งเทือกเขา Kii ที่ที่ธรรมชาติและวัฒนธรรมผสมกลมกลืนกันได้อย่างลงตัว"

สำหรับคนที่ชอบเที่ยววัดเที่ยวศาลเจ้าในญี่ปุ่น วันนี้มีสถานที่นึงในญี่ปุ่นที่อยากจะมารีวิวให้ดู ที่แห่งนี้คือสถานศักดิ์สิทธิ์ Kumano Sanzan แห่งเทือกเขา Kii ประกอบไปด้วย 3 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ และหนึ่งในนั้นคือ Kumano Nachi Grand Shrine ในทริปนี้เราต้องการจะเดินผ่านเส้นทางธรรมชาติ Kumano Kodo Daimonzaka Slope เพื่อที่จะไปให้ถึงศาลเจ้า Kumano Nachi Grand Shrine และน้ำตก Nachi ซึ่งได้รับการขึ้นทะบียนเป็นมรดกโลกในปี 2547 

Kumano Sanzan ประกอบไปด้วย 3 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ห่างกันบนเทือกเขา Kii การจะเที่ยวให้ครบทั้งสามที่ในวันเดียวดูเหมือนจะลำบากหน่อย เพราะถึงแม้การเดินทางบนเขาจะมีรถประจำทางคอยบริการ แต่รอบเวลาของรถประจำทางอาจจะไม่เอื้ออำนวยในการเที่ยวให้ครบทั้งสามที่ภายในหนึ่งวันได้ ถ้าจะเที่ยวให้ครบทั้งสามที่จริงๆอาจจะต้องหาที่พักนอนบนเขาสักคืน ซึ่งบนเขา Kii ก็มีหมู่บ้านที่เป็น Onsen Villege อยู่หลายแห่ง

เส้นทางการเดินทางขึ้นมาสู่สถานศักดิ์สิทธิ์ Kumano Sanzan เรียกว่า Kumano Kodo Pilgrimage Routes หรือ "เส้นทางแสวงบุญ" มีทั้งหมด 4 เส้นทาง อยู่ที่ว่าจะขึ้นจากเชิงเขาที่เมืองไหน ถ้ามาจากจังหวัด Wakayama จะมาขึ้นจากเมือง Shirahama ที่สถานีรถไฟ Kii Tanabe แล้วนั่งรถประจำทางขึ้นมา หรือจะมาขึ้นที่เมือง Kii Katsuura ก็ได้ ถ้าจะมาเที่ยวที่ Kumano Nachi Grand Shrine และน้ำตก Nachi มาขึ้นที่เมือง Kii Katsuura จะใกล้กว่า

เรามาขึ้นรถบัสหน้าสถานีรถไฟ Kii Katsuura รอบเวลาของรถบัสจะมีทุกๆชั่วโมง(มีถ่ายรูปตารางเวลารถบัสมาให้) รถบัสจะวิ่งไปเริ่มจาก (1)สถานีรถไฟ Kii Katsuura -- (2)สถานีรถไฟ Nachi -- (3)Daimonzaka Bus Stop -- (4)น้ำตก Nachi -- (5)Nachi Bus Stop เป็นป้ายสุดท้าย แล้วจะวิ่งย้อนกลับ



สำหรับคนที่ต้องการเดินผ่านเส้นทางธรรมชาติ Kumano Kodo Daimonzaka Slope ให้นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Daimonzaka Bus Stop(ป้ายที่ 3) ส่วนคนที่ไม่ยากเดินเยอะ ให้มาลงที่ป้าย Nachisan Bus Stop(ป้ายสุดท้าย) แล้วเริ่มเที่ยวจากจุดนี้ จนไปจบ แล้วขึ้นรถกลับที่ป้าย Nachisan Waterfall Bus Stop

เราเลือกมาลงรถบัสที่ Daimonzaka Bus Stop เพราะต้องการเดินผ่านเส้นทางธรรมชาติขึ้นสู่ยอดเขา พอลงจากรถแล้วให้เดินตามลูกศรสีแดงเหมือนในรูป ระหว่างทางจะเห็นป้ายที่แสดงว่าคุณกำลังจะเข้าสู่เขตมรดกโลกเส้นทางแสวงบุญบนเทือกเขา Kii



พอเดินผ่านเสาโทริอิ ข้ามสะพานแดงไป เดินตรงเข้าไปนิดเดียวก็จะเจอกับร้านให้เช่าชุดโบราณ จริงๆแล้วมันเป็นชุดของนักแสวงบุญ คนญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่า สักครั้งนึงในชีวิต ขอให้ได้มาใส่ชุด เดินขึ้นเขาแสวงบุญ และได้สักการะบูชา 3 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์บนเขาแห่งนี้ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต



ทางร้านมีชุดให้เราเลือกหลายแบบหลายสี เราต้องให้เจ้าของร้านแต่งตัวให้ทีละคน เพราะมันค่อนข้างหลายชั้นซับซ้อน ส่วนค่าเช่าชุดจะอยู่ที่ 3,000 เยน เค้าให้เวลา 4 ชั่วโมง ก็แอบกังวลเหมือนกันกลัวจะกลับมาไม่ทัน เพราะเราต้องเดินขึ้นเขาเป็นระยะทางไกล แต่เจ้าของร้านบอกไม่ต้องกังวล ไม่ซีเรียต เกินเวลาไปบ้างก็ไม่เป็นไร



ทีมงานเราจัดเต็ม เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันได้

จากร้านเช่าชุดเดินต่อมาสักพักจะมาถึงต้นสนซีดาร์ขนาดใหญ่สองต้น อายุมากกว่า 800 ปี เปรียบเสมือนประตูทางเข้าเขต Kumano Kodo Daiminzaka Slope



สำหรับเส้นทางการเดินขึ้นสูงยอดเขา Kumano Sanzan จริงๆแล้วมีอยู่หลายเส้นทาง แต่เส้นทาง Daimonzaka Slope ถือเป็นเส้นทางที่เดินได้ง่ายที่สุด ทางเดินเป็นพื้นบันไดหิน 267 ขั้น ทอดยาวไต่ระดับขึ้นสู่ยอดเขาเป็นระยะทางกว่า 600 เมตร สองข้างทางจะเป็นแนวต้นสนสูงใหญ่เรียงกันไปตลอดเส้นทาง บรรยากาศเงียบสงบ รื่นรมย์ เดินไปก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรเพราะเพลิดเพลินกับธรรมชาติรอบๆ Daimonzaka Slope เป็นเส้นทางที่อยู่ใกล้กับศาลเจ้า Kumano Nachi Grand Shrine และน้ำตก Nachi มากที่สุด



ความรู้สึกมันจะแตกต่างจากที่เราเช่าชุดกิมโมโนเดินอยู่ในเมืองโบราณ ด้วยลักษณะของชุดที่ใส่และบรรยากาศโดยรอบทำให้รู้สึกดูขลังดี ระหว่างทางเดินจะพบกับนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น จะเข้ามาทักทายและมักจะพูดคำว่า "สุโค้ย" บ้างก็เข้ามาขอถ่ายรูปด้วย คือคนญี่ปุ่นมองว่าการได้ใส่ชุดโบราณเดินขึ้นมาแสวงบุญเป็นอะไรที่สุดยอดมาก


พอเดินขึ้นมาสุดทาง Daimonzaka Slope แล้ว ก็จะมาถึงจุดจอดรถบัส Nachisan Bus Stop สำหรับคนที่ไม่อยากเดินก็นั่งรถบัสมาลงที่ป้ายนี้ได้เลย แล้วเริ่มเที่ยวจากจุดนี้ขึ้นไป

บริเวณแถบนี้จะมีร้านค้าร้านขายของที่ระลึก แต่เราไม่แวะละ ขอเดินต่อเลย จากตรงนี้เราต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกประมาณ 473 ขั้น



พอเดินขึ้นมาถึงจุดนี้จะเห็นเสาโทริอิสีแดง เป็นสัญลักษณ์บอกว่าเราได้เดินมาถึงเขตพื้นที่ของศาลเจ้าแล้ว

ช่วงที่เรามาเที่ยวเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะได้บรรยากาศอย่างที่เห็นในรูป แหม่!! มันเหมือนซีรีย์เกาหลีย้อนยุคเลย ^^

จากเสาโทริอิสีแดง เดินขึ้นมาอีกนิดก็จะถึงศาลเจ้า Kumano Nachi Grand Shrine ภาพแรกที่เห็นคือตัวศาลเจ้าสีส้มอมแดง ตัดกับต้นไม้สีเขียว เป็นภาพที่สวยงามมาก พอเราเดินขึ้นมาถึงฝนก็เริ่มตกปรอยๆ


Kumano Nachi Grand Shrine เป็นหนึ่งในศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ใน Kumano Sanzan ตั้งอยู่ตรงรอยแยกของภูเขา Nachi อาคารหลักสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่เรียกว่า "คุมะโนะ สึคุริ" โดยมีภูเขาชินจุเป็นฉากหลัง ภายในมีทั้งหมด 6 อาคาร และมีต้นไม้ใหญ่ที่อายุเก่าแก่ประมาณ 850 ปียืนต้นอยู่ เป็นที่สิ่งสถิตของเทพเจ้าโดยมีเทพเจ้าหลักคือ องค์เทพเจ้าคุมะโนะฟุซึมิโนะ โอมิคะมิ



เมื่อเดินลึกเข้ามาด้านหลัง จะพบกับวัด Nachisan Seiganto-ji ในอดีตก่อนที่ศาสนาพุทธกับชินโตจะถูกแบ่งแยกออกจากกัน วัดแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้า Kumano Nachi Grand Shrine ศาลาหลักของวัดมีชื่อว่า "เนียวอิรินโต" เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์เจ้าแม่กวนอิมไม้แกะสลักสูงประมาณ 3 เมตร


ตรงจุดนี้เราสามารถมองเห็นเจดีย์สามชั้นกับน้ำตก Nachi อยู่ไกลๆ เดินมาเหนื่อยๆทีมงานเราของนั่งพัก แวะกินไอติมกันก่อน


เดินต่อมาจะเจอทางเดินลงเนินเขา ตรงจุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สำคัญของเจดีย์สามชั้นและน้ำตก Nachi เรายื่นเก็บภาพตรงนี้อยู่พักใหญ่ ก็ได้ภาพสวยๆมาอย่างที่เห็น


ย้อนหลังไปเมื่อหลายปีก่อน ผมได้มาสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก ณ จุดเดิม ผมได้ถ่ายภาพบรรยากาศของเจดีย์สามชั้นกับน้ำตก Nachi ในบรรยากาศที่แตกต่างกันจากวันนี้ คราวนั้นหมอกลงจัด อากาศครื้มฟ้าครื้มฝน ก็ได้ภาพอย่างที่เห็น มันก็ดูขลังดี สวยไปอีกแบบ


ตรงเจดีย์สามชั้นเราสามารถเดินขึ้นไปข้างบนได้ เป็นจุดชมวิวน้ำตก Nachi ได้อย่างชัดเจน หลังจากลงมาจากเจดีย์เราจะเดินลงเขาไปตามทางเดินที่อยู่ด้านข้างของเจดีย์ เพื่อไปน้ำตก Nachi ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ



ชุดที่เข่าใส่มา ตอนเดินขึ้นเขายังไม่เท่าไหร่ ตอนเดินลงนี่สิ เดินลำบากมาก ตอนเดินลงไม้เท้าจะช่วยได้เยอะเลย

เดินลงเขาตามทางเดินมาเรื่อยๆก็จะมาถึงทางเข้าศาลเจ้า Hiro เดินผ่านเสาโทริอิเข้าไปจะเจอทางเดินลงไปอีก ด้านล่างจะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า Hiro ที่ตั้งอยู่หน้าน้ำตก Nachi


น้ำตก Nachi เป็นน้ำตกที่มีความสูงที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูงถึง 133 เมตร กว้าง 13 เมตร และเป็น 1 ใน 3 น้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วย ในอดีตบริเวณน้ำตก Nachi จะถูกใช้เป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญตนของพระสงค์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก


ด้านข้างยังมีทางเดินขึ้นไปประมาณ 2 นาที จะเป็นจุดชมวิวน้ำตก Nachi ได้อย่างใกล้ชิดที่สุด สถานที่ตรงนี้ถูกใข้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ณ จุดนี้ผู้ที่ขึ้นมาจะได้ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จากน้ำตก Nachi จะขึ้นไปทางนี้จะต้องเสียค่าผ่านทาง 300 เยน

นอกจากนี้บริเวณหน้าร้านขายเครื่องรางและของที่ระลึกยังมีกล่องไม้เซียมซีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ให้นักท่องเที่ยวได้ลองเสี่ยงทายดู

หลังจากเสร็จจากน้ำตก Nachi เราก็เดินกลับขึ้นมานั่งรถบัสบริเวณหน้าทางเข้าศาลเจ้า Hiro ตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะนั่งรถบัสกลับดีมั้ยเพราะชุดที่ใส่มา จะขึ้นรถบัสคงดูแปลกๆ  คิดจะเดินกลับทางเดิมผ่านเส้นทางธรรมชาติ Kumano Kodo Daimonzaka Slope แต่คงไม่ไหวละ หมดสภาพ!!! แต่ละคนอยากจะเปลี่ยนชุดกลับคืนเร็วๆ ขึ้นรถบัสในชุดแบบนี้เหมือนในหนังจีน หลงยุคมาเลย ^^ เราต้องเอาชุดไปเปลี่ยนคืนเลยต้องนั่งรถไปลงที่ป้าย Daimonzaka Bus Stop ส่วนใครที่ไม่ได้เช่าชุดมาก็นั่งรถบัสไปลงที่ป้ายหน้าสถานีรถไฟ Kii Katsuura ได้เลย

หลังจากเปลี่ยนชุดคืนเสร็จ ทางร้านก็มีโปสการ์ดและของที่ระลึกให้ ก็เป็นประสบการ์ณเที่ยวญี่ปุ่นแบบแปลกๆ นำมาแชร์ให้ดูนะครับ

ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำโรงแรมโดนๆ: Urashima Hotel  โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกับสุดยอดออนเซน!! วันนี้มารีวิวโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีชื่อว่า Urashima Hotel ตั้งอยู่ในจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) เมืองคิอิคัทสึอูระ (Kiikatsuura) เมืองนี้เป็นแหล่งจับปลาทูน่าได้มากที่สุดของญี่ปุ่นด้วย โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่เกาะ ประมาณว่าเกาะทั้งเกาะเป็นของเค้า พื้นที่หลักๆแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกตั้งอยู่เชิงเขาด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ reception และห้องพักบางส่วน ส่วนพื้นที่ที่สองจะตั้งอยู่บนเขาซึ่งเป็นส่วนของห้องพักในระดับราคาที่แพงขึ้นไป มีจุดชมวิว รวมไปถึงออนเซนในบรรยากาศสุดยอด ไฮไลท์ของโรงแรมคือบ่อออนเซนทั้ง 6 บ่อในบรรยากาศออนเซนที่อยู่ในถ้ำริมหน้าผาติดทะเล จะสวยงามอย่างไรตามมาชมเลยครับ เนื่องจากตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเกาะที่แยกตัวออกไป การเดินไปโรงแรมเราต้องนั่งเรือข้ามไป ซึ่งทางโรงแรมก็มีบริการเรือรับส่งให้กับนักท่องเที่ยวฟรี รอสักพักเรือของโรงแรมก็มา จากท่าเรือมองเห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ นั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง เข้ามาถึงโรงแรมก็จะเจอเคาน์เตอร์ Check in ก่อน หลั
ร้านอร่อย NAGOYA : พากิน ประชัดความอร่อย!! วันนี้จะพามากินเมนูเด่นเมนูดังในเมืองนาโกย่า ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ ร้านแรกที่จะพาไปกินคือร้านข้าวหน้าหมูทอด yabaton เมนูเหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ความพิเศษของข้าวหน้าหมูทอดร้านนี้คือเจ้าตัวซอสมิโซะที่ใช้ราดบนหมูทอด แตกต่างจากร้านทงคัตสึทั่วไปที่จะกินกับซอสวูสเตอร์(ซอสรสเปรี้ยวอมหวาน) ซึ่งเจ้าซอสมิโซะก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองนาโงย่านี่แหละ อีกเมนูนึงที่จะพาไปกินคือข้าวหน้าปลาไหล Horaiken ร้านนี้เป็นต้นกำเนิดเมนูข้าวหน้าปลาไหลเลยนะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น สำหรับผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย วันนี้พาไปกินร้านดังทั้งสองร้านของเมืองนาโงย่า ส่วนร้านไหนอร่อยกว่ากันให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินเองนะครับ^^ YABATON  ข้าวหน้าหมูทอด เริ่มที่ข้าวหน้าหมูทอด Yabaton ก่อน ร้านนี้จริงๆมีสาขาอยู่ทั่วเมืองนาโงย่า ประมาณว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ แต่เราจะพามาที่สาขาตรงสถานีรถไฟ JR Nagoya หาง่ายหน่อย พอมาถึงสถานีรถไฟ JR Nagoya แล้วให้เดินออกทางด้านหลัง ตรงทางออก Taiko-do
แนะนำโรงแรมโดนๆ: SARUGAKYO โรงแรมเต้าหู้ ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ ที่เรียกว่าโรงแรมเต้าหู้เพราะมีโรงงานทำเต้าหู้เล็กๆอยู่ภายในโรงแรม ที่สำคัญเค้าสามารถนำเอาผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ที่ทำเองมารังสรรค์เป็นเมนูหลากหลายให้แขกที่มาพักในโรงแรมได้ทานกันทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็น ขอบอกเลยว่าอร่อยมาก ไม่คิดว่าเต้าหู้จะสามารถนำมาทำเป็นอาหารทั้งคาวหวานได้หลากหลายแบบนี้ ตามมาดูกันเลย Sarugakyo (อ่านว่า: ซารุกาเคียว) เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ(Gunma) ในเมืองมินาคามิ (Minakami) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติโจชินเอะสึโคเก็น ติดกับทะเลสาบอะคายะ อีกฟากของโรงแรมจะเป็นเทือกเขาทานิกาว่า มีทัศนียภาพสวยงามตลอดทั้งปี บริเวณล๊อปบี้ของโรงแรมสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบอะคายะได้อย่างชัดเจน โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมด 52 ห้อง มีตั้งแต่ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น และห้องพักที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นผสมตะวันตก มาดูโรงงานเต้าหู้ภายในโรงแรมกันบ้าง โรงงานจะเป็นอาคารชั้นเดียวแยกออกมาต่างหากจากอาคารที่พัก ตั้งอยู่ชั้นล่
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Shizuoka พอพูดถึงการมาเที่ยวชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนจะนึกถึงเมือง Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi จริงๆแล้วภูเขาไฟฟูจิมีพื้นที่ติดกับสองจังหวัดในญี่ปุ่น อีกจังหวัดที่กล่าวถึงคือจังหวัด Shizuoka ซึ่งจะมีทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามแตกต่างกันออกไป การมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดชิซูโอกะ เราจะได้พบกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิกับไร่ชาเขียวซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ รายละเอียดโปรแกรมการเที่ยว เริ่มจากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shizuoka Sta. ต่อรถบัสมาเที่ยวแถบ Nihondaira แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิว (1)Nihondaira Hill สัมผัสกรรมวิธีการเก็บใบชาที่ (2)Nihondaira Tea Hall ถ่ายรูปไร่ชาโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ตลอดจนแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ที่ร้านขายชาในสวน จากนั้นเดินกลับมาขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขา Mt.Kuno ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า (3)Kunosan Toshogu ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนั่งกระเช้ากลับลงมาต่อรถบัสกลับเข้าไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นช็อปปิ้งที่ถนน (4)Gofukucho Dori แวะทานทาร์ตผลไม้ร้านดัง (5)Qu'il Fait Bon
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!! จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji
เลิกงงซะที ในสถานีรถไฟญี่ปุ่น!! หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก เพราะมันสะดวกและไปได้ทั่วถึงทุกที่ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่คงจะงงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่น ไม่ใช่เฉพาะแค่มือใหม่หัดเที่ยว ขนาดมือเก่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้วบางคนยังมีอาการมึนงง นั้นเป็นเพราะมันมีรถไฟหลายประเภทหลายสายมากๆ แค่ยืนดูแผนผังรถไฟก็งงแล้ว วันนี้เรามาบอกวิธีการสังเกตง่ายๆในการทำความเข้าใจระบบรถไฟของญี่ปุ่น เพื่อจะขึ้นรถไฟแล้วไม่งงไม่หลงอีกต่อไป ทำความรู้จักกับประเภทของรถไฟต่างๆในญี่ปุ่นกันก่อน ถ้าจะให้แบ่งประเภทรถไฟในญี่ปุ่นก็อาจจะแบ่งได้หลักๆเป็น 3 ประเภท 1. รถไฟ JR 2. รถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) 3. รถไฟใต้ดิน(Subway) ที่ต้องการแบ่งให้เห็นชัดเจนอย่างนี้เพราะรถไฟแต่ละประเภทจะมีชานชาลา(Track)และมีรางวิ่งเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถ้าคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) คุณก็ต้องเดินไปขึ้นที่ชานชาลาเฉพาะของรถไฟ Shinkansen นั้นเอง เรามาลองทำความรู้จักรถไฟแต่ละประเภทให้มากขึ้น รถไฟ JR เป็นเครือข่ายรถไฟที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งวิ่งในตัวเมืองและวิ่งข้าม
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Kanagawa: เที่ยว 2 สถานศักดิ์สิทธิแห่งเมืองคามาคุระ  ตามหาเทพมังกรบนเกาะเอ็นโนชิมะ   โปรแกรมนี้ค่อนข้างแน่นถ้าจะเก็บให้ครบต้องออกแต่เช้า จบทริปก็สักประมาณหัวค่ำ ทริปนี้เริ่มจากเดินทางถึงสถานีรถไฟ  Hase Sta. เดินไปขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่วัด (1) Hasedera Temple หลังจากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาพระใหญ่ไดบุสึที่วัด (2) Kotoku-in Temple จากนั้นเดินทางต่อไปที่เกาะ (3) Enoshima Island ใช้เวลาเที่ยวบนเกาะประมาณ 3 -4 ชั่วโมง เหตุผลที่ให้เที่ยวเกาะ Enoshima เป็นที่สุดท้ายเพราะในเวลาตอนเย็นช่วงพลบค่ำบนเกาะจะเปิดไฟสวยงาม จะได้ชมบรรยากาศไปอีกแบบนึง จบทริปก็เดินทางกลับ Tokyo ENOSHIMA KAMAKURA FREE PASS การเดินทางในทริปนี้แนะนำให้ซื้อ Enoshima Kamakura Freepass 1 day เป็นพาสใช้เดินทางไปตามเมืองต่างๆ ในจังหวัด Kanagawa ภายใน 1 วัน ราคา 1,470 เยน ซึ่งจะประหยัดกว่าแยกจ่ายค่ารถไฟเป็นเที่ยวๆ (ในกรณีที่มี JR Pass ไม่ต้องซื้อพาสนี้ก็ได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่ารถไฟบางขบวนอยู่ดี) ส่วนสถานที่จำหน่ายตั๋วก็สามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราได้เลย หรือจะซื้อจากตู้จำหน่ายตั๋วในสถ
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ HANKYU HIGHWAY BUS เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway) รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง -สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Chiba เสน่ห์ 2 เมืองเก่าในจังหวัดชิบะ ตามรอยละครดัง ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้เดินเล่นชมเมืองสบายๆในเขตเมืองเก่าทั้ง 2 เมืองในจังหวะดชิบะซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนที่พาดหัวไว้ว่า "ตามรอยละครดัง" เพราะว่ามีหนังญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้โลเคชั่นของวัดนาริตะซันกับเมื่องโบราณซาวาระเป็นที่ถ่ายทำด้วย การเดินทางสู่เมืองนาริตะเริ่มจากสถานีรถไฟ Tokyo Sta. นั่งรถไฟสาย JR Sobu Line Rapid Service ถึงสถานี Narita Sta. ใช้เวลาเดินทาง 73 นาที (จริงๆมีขบวนอื่นสามารถเดินทางมาถึงได้เหมือนกัน แต่ขบวนนี้ง่ายที่สุดแล้ว) รถไฟจะแวะจอดที่สถานี Chiba Sta. ไม่ต้องลง นั่งต่อไปเลยจนถึงสถานี Narita Sta. รถไฟขบวนนี้จะมีทุกๆชั่วโมง ถึงเมืองนาริตะ เที่ยววัดดังประจำจังหวัด Naritasan Shinshoji ตลอดเส้นทางสู่วัดนาริตะซังจะผ่านถนนสายการค้า Omotesando ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง และร้านอาหารยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะพบ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Saitama ย้อนวัยเด็กที่ตรอกลูกกวาด ตามหาเครื่องรางที่ศาลเจ้าแห่งความรัก ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่นมาก เที่ยวสบายๆ เพราะเที่ยวอยู่แค่ในเมือง Kawagoe ที่เดียว แต่ในเมืองมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะให้เราเที่ยวกันได้ทั้งวัน วิธีการเที่ยวในเมืองที่ดีที่สุดคือการเดินเที่ยวรอบเมืองจนไปสุดที่ศาลเจ้า Hikawa Shrine แล้วนั่งรถเมล์กลับมาที่สถานีรถไฟ เริ่มจากหน้าสถานีรถไฟ Kawagoe Sta. เดินไปเขตเมืองเก่า Kurazukuri จะผ่าน (1)ถนนชอปปิ้ง Crea Mall  ลักษณะจะคล้ายๆกับถนน Takeshita dori ในฮาราจูกุ จากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิที่ (2)วัด Kitain  วัดสำคัญประจำเมือง ชมพระพุทธรูปหินกว่า 540 องค์ที่มีชื่อเสียงของวัด  แวะรับประทานข้าวหน้าปลาไหลที่ร้านดัง (3)ร้าน Ichinoya  หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เดินต่อมาอีกสักพักจะเข้าสู่ (4)เขตเมืองเก่า Kurazukuri  แวะถ่ายรูปกับ (5)หอระฆัง Toki no kane  เป็นที่ระลึกซึ่งเป็น Landmark สำคัญในเขตเมืองเก่าแห่งนี้ เดินต่อไปอีกนิดจะไปถึง (6)Candy Alley หรือตรอกลูกกวาด ก่อนจะไปขอพรเรื่องความรักกันที่ (7)ศาลเจ้า Hikawa Shrine  จบโปรแก