Shirahama ตั้งอยู่ทางใต้ของภูมิภาคคันไซ อยู่ติดกับทะเล เป็นเมืองตากอากาศมีที่ชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนบริเวณชายหาดชิราฮาม่าจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมานอนอาบแดดกันเต็มชายหาด และเป็นแหล่งออนเซนที่มีชื่อเสียงอีกด้วย นอกจากนี้เมืองเล็กๆแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกไม่น้อย ซึ่งทริปของเราในวันนี้ไม่ได้พามาออนเซน ไม่ได้พามานอนเล่นชายหาด แต่จะพามาเที่ยวสถานที่ที่ลึกลับ ดูแปลกตา ทำให้คิดว่า "ญี่ปุ่นก็มีมุมแบบนี้ด้วยหรอ" การเดินทางมาจากโอซาก้า ถ้าเดินทางโดยรถไฟ ขึ้นรถไฟที่สถานี Tennoji Sta. จะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง แต่ถ้ามาจากจังหวัด Wakayama นั่งรถไฟจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
สำหรับผมใช้จังหวัดนี้เป็นจุดแวะพักแวะเที่ยว เป็นทางผ่านไปยังเมือง Kii Katsuura เพื่อไปเที่ยวศาลเจ้า Kumano Nachi Taisha กับน้ำตก Nachi เพราะฉะนั้นผมมีเวลาแค่ 1 วันในเมือง Shirahama แห่งนี้ เลือกเที่ยวสถานที่เที่ยวหลักๆของเมือง เริ่มจากแวะกินอาหารทะเลสดๆราคาย่อมเยาที่ ตลาดสด (1)Toretore Market จากนั้นไปเที่ยวต่อที่หน้าผาหิน (2)Sandenbeki Rock Cliff บริเวณใกล้เคียงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกคือถ้ำโจรสลัด (3)Sandenbeki Cave และลานหิน (4)Senjojiki และรอชมพระอาทิตย์ตกที่ (5)Engetsu Island
การเดินทางในเมือง Shirahama สามารถนั่งรถบัส(Meiko Bus) จากหน้าสถานีรถไฟ Shirahama Sta. จะมีรสบัสหลายสายไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมือง (ดูจากแผนผังการเดินรถด้านล่างน่าจะพอเข้าใจ)
เมือง Shirahama เป็นเมืองเล็กๆ สถานที่เที่ยวแต่ละจุดอยู่ไม่ไกลกันนัก การเดินทางโดยใช้บริการรถแท็กซี่ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะถ้ามากัน 3-4 คน นั่งแท็กซี่น่าจะสะดวกกว่า เพราะค่าโดยสารจากจุดนึงไปอีกจุดนึงไม่แพงเท่าไหร่
TORETORE MARKET
สถานที่แรกที่เราจะไปคือ Toretore Market อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Shirahama Sta. เป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในเมือง Shirahama บริหารงานโดยสมาคมสหกรณ์ประมง และเป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น จำหน่ายอาหารทะเลสด ผลไม้ตามฤดูกาล รวมไปถึงอาหารทะเลแปรรูปและของฝากของที่ระลึก ถ้าเปรียบเทียบกับตลาด Kuroshio Market ในจังหวัด Wakayama ตลาดที่นี่ขายของถูกกว่า มีของขายหลากหลายกว่าเยอะ ถ้านั่งรถบัสมาจากสถานี Shirahama Sta.ให้มาลงที่ป้าย Toretore Ichiba-mae [S-5] มีรถบัสอยู่หลายสายวิ่งมาถึง(ดูจากแผนที่รถบัสด้านบนประกอบ)
ด้านหน้าตลาดมีโซนบาบิคิวให้เราสามารถซื้อหาอาหารสดมานั่งปิ้งย่างกินกันเหมือนกับที่ตลาด Kuroshio Market แต่บรรยายกาศไม่ดีเหมือนกับที่นั้น ไม่ได้ติดทะเล คือไม่ต้องเน้นบรรยายกาศ เน้นของสดของดีในราคาน่าคบ แต่ที่นี่จะมีเก็บค่าบริการ คิดต่อคน ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 100 เยน
นอกจากนี้ภายในบริเวณตลาดยังมีโซนคล้าย Foodcourt มีร้านค้าขายอาหารทะเลปรุงกันสดๆ มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ปิ้งย่างขายกัน รวมไปถึงซูชิ ซาชิมิ ข้าวหน้าทะเลต่างๆอีกเพียบ ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย มันคือสวรรค์ของนักกินจริงๆ ^^
SANDENBEKI ROCK CLIFF
จากตลาด Toretore Market เรามุ่งหน้าต่อมาที่หน้าผาหิน Sandenbeki Rock Cliff เป็นหน้าผาสูง 50 เมตร มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตรยื่นออกไปริมชายฝั่งทะเล เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม แต่ภายใต้ความสวยงามก็แฝงเรื่องราวที่น่าขนลุก เพราะที่หน้าผาแห่งนี้ติดอันดับสถานที่ในญี่ปุ่นที่มีคนชอบมากระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายกัน จนกระทั่งต้องมีป้ายเตือนว่าไม่ให้มีการกระทำเช่นนั้น ถ้าจะนั่งรถบัสมาเที่ยวที่นี่ ให้มาลงที่ป้าย Sandenbeki [S-24] (ดูจากแผนที่รถบัสด้านบนประกอบ)
SANDENBEKI CAVE
นอกจากนี้ข้างล่างใต้หน้าผายังมีสถานที่ลึกลับซ่อนตัวอยู่ ถ้ำ Sandenbeki Cave ในอดีตภายในถ้ำแห่งนี้เป็นที่จอดเรือและหลบซ่อนตัวของโจรสลัด การจะลงไปเที่ยวในถ้ำมีวิธีเดียวคือจะต้องลงลิฟท์ที่อยู่ในอาคารตามที่เห็นในภาพ บริเวณด้านหน้าอาคารจะมีออนเซนเท้าให้แช่ฟรีนั่งดูวิวไปเพลินๆ
เข้ามาในตัวอาคารจะเห็นมีลิฟท์ที่ใช้โดยสารลงไปยังถ้ำ ลึกลงไปถึง 36 เมตร มีเก็บค่าบริการ ผู้ใหญ่ 1,300 เยน เด็ก 650 เยน แพงอยู่เหมือนกัน แต่ก็รวมค่าเข้าชมสถานที่อยู่ในราคานี้แล้ว สำหรับคนที่มีสัมภาระหรือกระเป๋ามาด้วย ณ จุดนี้มีที่ฝากกระเป๋าให้ด้วย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร
พอลงลิฟท์มาถึงด้านล่างจะเจอมุมให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เป็นชุดเกราะนักรบฉากหลังเป็นวิถีชีวิตของชาวประมง
ภายในถ้ำมีวัดด้วย มีจุดให้เราล้างมือ บ้วนปากเหมือนวัดทั่วไป ประดับไปด้วยโคมไฟกว่าร้อยดวงแขวนอยู่บนเพดาน ภายในมีพระพุทธรูปอยู่ 18 องค์ มีองค์พระประทานอยู่ตรงกลางคือเทพเจ้าแห่งน้ำ( God of water) เรียกชื่อตามภาษาญี่ปุ่นว่า "มูโระ ดาอิ เบนเซอิเท็น"
แต่ที่เห็นแปลกตาคือตามเสาจะมีกระดาษรูปการ์ตูนแอนนิเมชั่นแปะอยู่เต็มไปหมด เหมือนกับว่าจะไว้ให้เราเขียนชื่อแล้วเอาไปแปะที่เสาเพื่อเป็นการขอพร บริเวณใกล้เคียงมีจุดจำหน่ายกระดาษขอพรแบบนี้ใบละ 100 เยน มีทั้งหมด 5 ลาย แต่ละลายก็ตามแต่ละวัตถุประสงค์ของการขอพร เช่นเรื่องสุขภาพ การเงิน ความรัก การเดินทาง และการศึกษา ซื้อมาแล้วให้แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนนึงให้เขียนชื่อแล้วเอาไปแปะที่เสา อีกส่วนให้เอาเก็บไว้ติดตัว
ภายในถ้ำเวลาถ่ายรูป รูปที่ออกมาจะเห็นเป็นพื้นน้ำสีฟ้าเรืองแสงดูสวยงามแปลกตาดี ยังมีส่วนที่จัดแสดงชุดเกราะและอาวุรยุทธอุปกรณ์ต่างๆของโจรสลลัด Tagamura ที่ใช้ถ้ำแห่งนี้เป็นที่พักอาศัย
เดินมาถึงจุดนี้เป็นจุดไฮไลท์ของถ้ำ จะเป็นปากถ้ำที่มีคลื่นซัดเข้ามาเป็นระลอกๆ กระแสน้ำตรงจุดนี้แรงมาก เราจะได้เห็นพลังของคลื่นที่ซัดเข้ามากระทบกับหินภายในถ้ำที่มีลักษณะพิเศษเป็นโพรงอยู่ข้างใน เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ พอคลื่นสลายไปหินเหล่านี้ก็จะคายน้ำออกมา เป็นภาพที่หาดูได้ยาก
ส่วนบริเวณนี้จะมีรูปติดอยู่ อธิบายถึงลักษณะรูปทรงของหินแต่ละจุดซึ่งดูคล้ายกับหัวสิงโตบ้าง รูปหน้าคนบ้าง บางจุดก็ดูคล้ายกับรูปหมาป่า ก็จิตนาการกันไป
ส่วนตรงนี้คือปากทางเข้าออกถ้ำ เป็นช่องทางที่พวกโจรสลัดนำเรือเข้ามาจอด บริเวณนี้ในตอนเย็นจะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกจุดนึง
หลังจากนั้นเรากลับขึ้นลิฟท์มา ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกจุดนึงในบริเวณนี้ นั้นคือ ลานหิน Senjojiki จากอาคารขึ้นลงลิฟท์ ให้เดินต่อไปตามทางจะพบเห็นเป็นพื้นที่ลานหินกว้างๆ ตั้งอยู่ตรงปลายสุดของแหลมเซะโตะซากิ พื้นหินบริเวณนี้เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกจนเกิดเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่คล้ายกับเสื่อทาตามิเรียงตัวทับซ้อนหลายพันแผ่นยาวสุดลูกหูลูกตา ณ จุดนี้เราสามารถมองเห็นหน้าผา Sandenbeki Rock Cliff อีกมุมนึง จากตรงนี้สามารถมองเห็นปากถ้ำ Sandenbeki Cave ที่โจรสลัดนำเรือเข้าไปหลบซ่อนตัวด้วย เราใช้เวลาเดินเล่นถ่ายรูปอยู่บริเวณนี้สักพักใหญ่ก็เพื่อรอเวลาใกล้พระอาทิตย์ตกดิน จากนั้นเราจะเดินทางไปยังจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินกันที่ Engetsu Island
ENGETSU ISLAND
Engetsu Island หรืออีกชื่อนึงคือ Takashima เป็นเกาะเล็กๆตั้งอยู่กลางมหาสมุทรใกล้กับชายฝั่ง ลักษณะพิเศษของเกาะแห่งนี้คือจะมีรูอยู่ตรงกลาง เกิดการการกัดเซาะของคลื่นลมตามธรรมชาติ จนเป็นที่มาของชื่อเกาะ Engetsu ที่แปลว่า Full Moon เกาะแห่งนี้ก่อตัวขึ้นจากหินทราย และค่อยๆสึกกร่อนไปตามกาลเวลา เนื่องจากโครงสร้างที่ไม่แข็งแรงนัก มันมีโอกาสพังทะลายลงมาได้ทุกเมื่อ การเดินทางมาเที่ยวที่นี่ ถ้านั่งรถบัสให้มาลงที่ป้าย Rinkai (Engetsuto Islet) [S-54] (ดูจากแผนที่รถบัสด้านบนประกอบ)
ผู้คนนิยมมาบริเวณที่แห่งนี้ก็เพื่อมารอชมพระอาทิตย์ตกดินในช่วงเวลาที่อาทิตย์เคลื่อนตัวลงมาตรงกับรูตรงกลางของเกาะพอดิบพอดี เป็นภาพที่สวยงามมาก และถือเป็น 1 ใน 100 จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาชมพระอาทิตย์ตกดินคือเวลา 18:30น. ในช่วงฤดูร้อน และเวลา 16:30น. ในช่วงฤดูหนาว
จบละครับทริป 1 วันในเมืองเล็กๆแห่งนี้ จากตรงนี้สามารถเดินทางกลับไปโอซาก้าได้เลย ก็นั่งรถไฟนานหน่อยประมาณสองชั่วโมง สำหรับผมไปต่อครับ สถานีต่อไปของผมคือ Kii Katsuura เพื่อจะไปเที่ยวแถวๆน้ำตก Nichi และเส้นทางแสวงบุญ Kumano Kodo ในบทความต่อๆไปของผมนะครับ
ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น