ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
1 วันในเมืองบิเอะ "ขี่จักรยาน ดูทุ่งหญ้า ชมต้นไม้"

บิเอะเป็นเมืองที่อยู่ติดกับเมืองฟุระโนะ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศในการมาชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในฤดูร้อน บิเอะอยู่อยู่ห่างจากฟุระโนะแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้าถามว่าเมืองบิเอะมีอะไรน่าเที่ยว? การเที่ยวในเมืองบิเอะคือการมาชมทุ่งหญ้า ต้นไม้ และทุ่งดอกไม้ ซึ่งนอกจากจะสามารถขับรถเที่ยวชมบรรยากาศในเมืองแล้ว เรายังสามารถขี่จักรยานเที่ยวชมธรรมชาติได้อีกด้วย มันเป็นอีกรสชาตินึงของการเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งขอแนะนำว่าต้องลอง!! แล้วคุณจะได้สัมผัสเมืองบิเอะอย่างแท้จริง
 สำหรับคนที่ต้องการเช่าจักรยานขี่เที่ยวในเมืองอย่างผม แนะนำให้มาเช่าจักรยานที่บริเวณรอบๆสถานีรถไฟบิเอะ บริเวณนี้จะมีร้านให้เช่าจักรยานอยู่หลายร้าน ผมเลือกเช่ากับร้านของคุณลุงที่อยู่ข้างๆสถานีรถไฟ ถ้าเดินออกจากประตูมาปุ๊บจะเห็นร้านของคุณลุงอยู่ทางซ้ายมือ ชื่อร้าน MATUURA ลองเทียบราคาดูแล้วร้านของคุณลุงราคาถูกกว่าร้านอื่น

จักรยานที่ให้เช่าหลักๆจะมีอยู่ 2 แบบ คือจักรยานธรรมดาราคาอยู่ที่ชั่วโมงละ 200 เยน และจักรยานไฟฟ้าชั่วโมงละ 600 เยน ถ้าคุณไม่แกร่งพอแนะนำให้เช่าเป็นจักรยานไฟฟ้า เพราะตลอดเส้นทางจะมีเนินเขา ซึ่งเราจะต้องขี่ขึ้นเนินลงเนินเป็นระยะๆ จักรยานไฟฟ้ามันช่วยทุ่นแรงได้เยอะจริงๆ

คุณลุงที่ร้านเช่าจักรยานจะให้เราเลือกว่าจะไปเส้นทางไหน แกจะมีแผนที่มาให้พร้อมกับความพยายามในการอธิบายเส้นทางให้เราด้วยภาษาอังกฤษแบบเป็นคำๆปนกับภาษาญี่ปุ่น แต่ก็พอเข้าใจได้ เอิม...คุณลุงครับ!! ผมใช้ google map นำทางไปง่ายกว่านะคุณลุง ^^

สำหรับเส้นทางการขี่จักรยานจะมีอยู่ 2 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 เรียกว่า Patchwork Road ตลอดเส้นทางจะเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆสีเขียวสีเหลืองสลับกันไปราวกับผืนผ้ามาปะต่อกันเป็นระยะทางยาว เส้นทางนี้ถือเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว จะมีจุดที่น่าสนใจหลายจุด เช่น หอชมวิว Hokusei Hill Observatory/ต้นไม้ Ken and Mary/ต้นโอ๊ค Seven Star Tree/และแนวต้นสนที่ Mild Seven Hill ถ้าจะไปในเส้นทางนี้ต้องใช้เวลาสักประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนเส้นทางที่ 2 เรียกว่า Panorama Road เส้นทางนี้ถ้าขี่จักรยานเที่ยวจะโหดกว่า เพราะมีเนินเขาที่สูงชัน จุดท่องเที่ยวที่สำคัญจะเน้นไปทางทุ่งดอกไม้ เช่น สวนดอกไม้ Shikisai no oka/สวนดอกไม้ Kanno Farm


ผมเลือกไปเส้นทาง Patchwork Road ขี่จากร้านเช่าจักรยานมาสักพักใหญ่ก็มาถึง หอชมวิว Hokusei Hill Observatory หอชมวิวรูปทรงปิรามิด เมื่อเดินขึ้นไปชั้นสองจะสามารถมองเห็นวิวทุ่งหญ้าสลับสีรอบทิศทางได้ไกลสุดลูกหูลูกตา

ใกล้กันมีร้านขายไอติมรสลาเวนเดอร์กับรสเมลอน ก็จัดไปทั้งสองรส อร่อยทั้งสองรสนะครับ ^^

ด้านล่างหอชมวิวมีสวนดอกไม้ขนาดย่อมๆ ดอกไม้รูปทรงแปลกตาดี เลยขอลงไปถ่ายรูปซะหน่อย ขี่จักรยานเที่ยวมันก็ดีตรงนี้แหละ ซ็อกแซ็กไปได้ทั่วอยากจะแวะจอดตรงไหนก็จอด

สาเหตุที่ทำให้เมืองบิเอะเริ่มมีชื่อเสียง จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เพราะหลายจุดในเมืองถูกใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำโฆษณา สินค้าชื่อดังหลายตัว จนเกิดกระแสตามรอยโฆษณาในหมู่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ


ละก็มาถึงจุดที่ 2 ต้นไม้ Ken and Mary เป็น ต้นไม้ทรงสูงดูแปลกตา ตั้งเด่นอยู่โดดๆต้นเดียวท่ามกลางทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ พื้นที่บริเวณนี้ถูกใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณา "สไกไลน์" ของบริษัทนิสสันมอเตอร์ ฉายประมาณปี 1970 ทำให้ผู้คนต่างแวะเวียนมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันมากมาย

ตลอดเส้นทางวิวสองข้างทางสวยงามมาก เป็นทุ่งหญ้ากว้างๆสีเขียวสีเหลืองสลับกันไป ในบางพื้นที่ จะเห็นมีการปลูกต้นหญ้าเป็นแนวตรง แถวยาว จัดเรียงกันเป็นระเบียบ


ขี่จักรยานมาได้สักพักใหญ่ ก็จะมาถึงจุดที่เป็นเนินเขาด้านล่างเป็นทุ่งข้าวสาลี บนยอดเนินจะเห็นเป็นกลุ่มต้นสนตั้งเรียงแถวเป็นแนวหน้ากระดาน จุดนี้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายโฆษณาบุหรี่ Mild Seven เมื่อประมาณปี 1976

และจากจุดนี้มองไปบริเวณใกล้ๆจะเห็น ต้นคริสต์มาส ตั้งอยู่ไกลๆอย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่

และจุดสุดท้ายที่มาถึง คือจุดที่จะมาถ่ายรูปกับต้นโอ๊คขนาดใหญ่ มีชื่อเรียกว่า Seven Stars Tree เนื่องจากต้นไม้ต้นนี้ถูกใช้เป็นภาพบนซองบุหรี่ ยี่ห้อ Seven Stars นั้นเอง

ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มแล้ว ฝนทำท่าจะตก เราตัดสินใจขี่จักรยานกลับไปคืนที่ร้านเช่าจักรยาน แพลนว่าหลังจากคืนจักรยานแล้วเราจะขับรถเที่ยวต่อในเส้นทาง Panorama Road

ตลอดเส้นทางจะมีรถขับผ่านมาเป็นระยะๆ แต่คนที่นี่เค้าขับรถกันค่อนข้างมีมารยาท เวลาขับเข้ามาใกล้คนขี่จักรยานเค้าจะขับช้าระวังเรา หรือบางทีก็ให้เราไปก่อน

หลังจากคืนจักรยานแล้วเราขับรถมาเที่ยวที่สวน Shikisai no oka ที่จะมีหุ่นฟางที่ทำจากฟางหญ้าม้วนเป็นก้อนกลมๆ คอยรอต้อนรับอยู่


ช่วงที่เรามาถึงเป็นเดือนมิถุนายน ดอกไม้เพิ่งจะเริ่มขึ้น ช่วงพีคจริงๆน่าจะซักประมาณกลางเดือนกรกฎาคมขึ้นไป

ขออนุญาตเอารูปจากอินเทอร์เน็ตมาให้ดู ในช่วงเวลาที่พีคๆ เนินเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกไม้ ดูราวกับเป็นพรมที่ทอด้วยดอกไม้สลับสีสวยงามมาก

ภายในสวนมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการขับรถ ATV หรือนั่งรถแทรกเตอร์เที่ยวชมสวน นอกจากนี้ภายในบริเวณสวนแห่งนี้ยังมีร้านขายของฝากของที่ระลึกด้วย

จากสวนดอกไม้ Shikisai no oka เราขับรถมาเที่ยวต่อกันที่ Blue pond หรือ บ่อน้ำสีฟ้า หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Hokkaido อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองบิเอะ จริงๆแล้วมันคือแอ่งน้ำที่เกิดจากการกั้นเขื่อน เพื่อป้องกันไม่ให้โคลนภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ Tokachi ในปี 1988 ไหลเข้าสู่เมือง

และด้วยความที่ก้นบอกเต็มไปด้วยดินที่มีแร่ธาตุจากภูเขาไฟ จึงทำให้น้ำในบ่อแห่งนี้ มีสีฟ้าสดใสดูแปลกตา และมีกอไม้หลายต้นโผล่ขึ้นมาจากน้ำ จึงทำให้สถานที่ที่เงียบสงบแห่งนี้ดูมีมนต์เสน่ห์ไปอีกแบบ

ถ้ามาถึงตรงนี้ก็อย่าลืมแวะซื้อไอติมจากร้านค้าใกล้ๆ มันเป็นไอติมครีมโซดา สีฟ้าสดใส รสชาติสดชื่น อร่อยดีครับ แต่แอบแพงไปนิด แท่งละ 500 เยน 😅😅😅


จาก Blue Pond เราขับรถกลับมาที่ตัวเมืองใกล้กับสถานีรถไฟบิเอะ เพื่อมากินอาหารเย็นมื้อพิเศษที่ Biei Senka แหล่งรวมพืชผลทางการเกษตรและสินค้าพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นผักสด ผลไม้ นม ข้าวสาลี และสิ่งที่เค้าภูมิใจนำเสนอคือ ขนมปัง น้ำสตรอเบอร์รี่ และบัตเตอร์โรล ที่เค้ากล้าการันตีว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่น

ส่วนร้านอาหารเย็นที่เราจะมากินคือร้าน Asperges ตั้งอยู่ใน Biei Senka ความพิเศษของร้านนี้คือเป็นร้านอาหารฝรั่งเศษที่เน้นใช้วัตถุดิบพื้นเมืองมาทำเป็นเมนูต่างๆ และที่สำคัญ ร้านนี้เคยได้รางวัล 1 ดาวมิชลินสตาร์ในปี 2012 ด้วย

อาหารของที่นี่มีทั้งแบบเป็นอลาคาส และแบบเซตเมนู สำหรับราคาของเซตเมนู ถ้าเป็นมื้ออาหารกลางวันราคาจะเริ่มต้นที่ 2600 เยน ถ้าเป็นมื้อเย็น ราคาจะเริ่มต้นที่ 3800 เยน ก็ถือว่าเป็นร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ที่ราคายังพอเอื้อมถึงได้


ผมสั่งเป็นเซตเมนูอาหารเย็น จะมีทั้งหมด 6 คอส จานแรกเสริมมาเป็นขนมปัง ท็อปปิ้งด้วยแครอทและมูสครีมที่ทำจากส่วนผสมของแครอท รสชาติดีมาก

จานที่ 2 จัดจานมาอย่างสวยงาม เป็นสลัดผักที่มีผักรวมกันถึง 20 ชนิด ทานคู่กับครีมซอสเมล่อน สีเขียวและสีส้ม



จานที่ 3 เป็น Potato Puree เป็นมันฝรั่งบด อยู่ในจานที่มีฟองขาวๆ รสชาติออกเค็มๆนิดๆ โรยด้วยชีสอยู่ด้านบน เขาให้ทานคู่กับขนมปังยัดไส้มันฝรั่ง อร่อยดี


จานที่ 4 จะเป็นครีมซอสที่ทำจากไข่แดง มีชีสและเบคอนบิทวางอยู่ข้างๆ ให้ทานคู่กับแอสพารากัสชิ้นใหญ่มาก


ส่วนจานที่ 5 เป็น main course เป็น Pork Chop ด้านนอกย่างค่อนข้างเกรียมแต่ด้านในสุกปานกลาง ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ เนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอมจากการย่างไฟ เสิร์ฟคู่มากับ น้ำซอสที่มี หัวหอม ผักและไข่ลวก คลุกเคล้าให้เข้ากันไว้ทานคู่กับเนื้อหมู


จานสุดท้ายเป็นของหวาน พายแอปเปิ้ลตัดแบ่งเป็นชิ้น ทานคู่กับมูสแอปเปิ้ล


ปิดท้ายด้วยกาแฟ โดยพนักงานจะมาเสิร์ฟมาชเมลโล่ พร้อมกับถั่วแดงเคลือบช็อคโกแลต ให้ทานเป็นเครื่องเคียง

จบทริป 1 วันในบิเอะแล้วนะครับ เป็น 1 วันเต็มๆที่เราใช้เวลาอยู่ในเมืองบิเอะและได้ทำอะไรหลายต่อหลายอย่าง สำหรับใครที่มาเที่ยวเมืองฟุราโนะ แนะนำว่าให้ลองแบ่งเวลาสัก 1 วันมาเที่ยวบิเอะดูบ้าง บรรยากาศทุ่งหญ้ากว้างๆ ขี่จักรยานรับลมชิวๆ มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ ก็เป็นอะไรที่ดีเหมือนกันนะครับ

ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำโรงแรมโดนๆ: Urashima Hotel  โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกับสุดยอดออนเซน!! วันนี้มารีวิวโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีชื่อว่า Urashima Hotel ตั้งอยู่ในจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) เมืองคิอิคัทสึอูระ (Kiikatsuura) เมืองนี้เป็นแหล่งจับปลาทูน่าได้มากที่สุดของญี่ปุ่นด้วย โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่เกาะ ประมาณว่าเกาะทั้งเกาะเป็นของเค้า พื้นที่หลักๆแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกตั้งอยู่เชิงเขาด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ reception และห้องพักบางส่วน ส่วนพื้นที่ที่สองจะตั้งอยู่บนเขาซึ่งเป็นส่วนของห้องพักในระดับราคาที่แพงขึ้นไป มีจุดชมวิว รวมไปถึงออนเซนในบรรยากาศสุดยอด ไฮไลท์ของโรงแรมคือบ่อออนเซนทั้ง 6 บ่อในบรรยากาศออนเซนที่อยู่ในถ้ำริมหน้าผาติดทะเล จะสวยงามอย่างไรตามมาชมเลยครับ เนื่องจากตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเกาะที่แยกตัวออกไป การเดินไปโรงแรมเราต้องนั่งเรือข้ามไป ซึ่งทางโรงแรมก็มีบริการเรือรับส่งให้กับนักท่องเที่ยวฟรี รอสักพักเรือของโรงแรมก็มา จากท่าเรือมองเห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ นั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง เข้ามาถึงโรงแรมก็จะเจอเคาน์เตอร์ Check in ก่อน หลั
ร้านอร่อย NAGOYA : พากิน ประชัดความอร่อย!! วันนี้จะพามากินเมนูเด่นเมนูดังในเมืองนาโกย่า ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ ร้านแรกที่จะพาไปกินคือร้านข้าวหน้าหมูทอด yabaton เมนูเหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ความพิเศษของข้าวหน้าหมูทอดร้านนี้คือเจ้าตัวซอสมิโซะที่ใช้ราดบนหมูทอด แตกต่างจากร้านทงคัตสึทั่วไปที่จะกินกับซอสวูสเตอร์(ซอสรสเปรี้ยวอมหวาน) ซึ่งเจ้าซอสมิโซะก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองนาโงย่านี่แหละ อีกเมนูนึงที่จะพาไปกินคือข้าวหน้าปลาไหล Horaiken ร้านนี้เป็นต้นกำเนิดเมนูข้าวหน้าปลาไหลเลยนะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น สำหรับผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย วันนี้พาไปกินร้านดังทั้งสองร้านของเมืองนาโงย่า ส่วนร้านไหนอร่อยกว่ากันให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินเองนะครับ^^ YABATON  ข้าวหน้าหมูทอด เริ่มที่ข้าวหน้าหมูทอด Yabaton ก่อน ร้านนี้จริงๆมีสาขาอยู่ทั่วเมืองนาโงย่า ประมาณว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ แต่เราจะพามาที่สาขาตรงสถานีรถไฟ JR Nagoya หาง่ายหน่อย พอมาถึงสถานีรถไฟ JR Nagoya แล้วให้เดินออกทางด้านหลัง ตรงทางออก Taiko-do
แนะนำโรงแรมโดนๆ: SARUGAKYO โรงแรมเต้าหู้ ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ ที่เรียกว่าโรงแรมเต้าหู้เพราะมีโรงงานทำเต้าหู้เล็กๆอยู่ภายในโรงแรม ที่สำคัญเค้าสามารถนำเอาผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ที่ทำเองมารังสรรค์เป็นเมนูหลากหลายให้แขกที่มาพักในโรงแรมได้ทานกันทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็น ขอบอกเลยว่าอร่อยมาก ไม่คิดว่าเต้าหู้จะสามารถนำมาทำเป็นอาหารทั้งคาวหวานได้หลากหลายแบบนี้ ตามมาดูกันเลย Sarugakyo (อ่านว่า: ซารุกาเคียว) เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ(Gunma) ในเมืองมินาคามิ (Minakami) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติโจชินเอะสึโคเก็น ติดกับทะเลสาบอะคายะ อีกฟากของโรงแรมจะเป็นเทือกเขาทานิกาว่า มีทัศนียภาพสวยงามตลอดทั้งปี บริเวณล๊อปบี้ของโรงแรมสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบอะคายะได้อย่างชัดเจน โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมด 52 ห้อง มีตั้งแต่ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น และห้องพักที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นผสมตะวันตก มาดูโรงงานเต้าหู้ภายในโรงแรมกันบ้าง โรงงานจะเป็นอาคารชั้นเดียวแยกออกมาต่างหากจากอาคารที่พัก ตั้งอยู่ชั้นล่
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Shizuoka พอพูดถึงการมาเที่ยวชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนจะนึกถึงเมือง Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi จริงๆแล้วภูเขาไฟฟูจิมีพื้นที่ติดกับสองจังหวัดในญี่ปุ่น อีกจังหวัดที่กล่าวถึงคือจังหวัด Shizuoka ซึ่งจะมีทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามแตกต่างกันออกไป การมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดชิซูโอกะ เราจะได้พบกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิกับไร่ชาเขียวซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ รายละเอียดโปรแกรมการเที่ยว เริ่มจากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shizuoka Sta. ต่อรถบัสมาเที่ยวแถบ Nihondaira แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิว (1)Nihondaira Hill สัมผัสกรรมวิธีการเก็บใบชาที่ (2)Nihondaira Tea Hall ถ่ายรูปไร่ชาโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ตลอดจนแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ที่ร้านขายชาในสวน จากนั้นเดินกลับมาขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขา Mt.Kuno ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า (3)Kunosan Toshogu ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนั่งกระเช้ากลับลงมาต่อรถบัสกลับเข้าไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นช็อปปิ้งที่ถนน (4)Gofukucho Dori แวะทานทาร์ตผลไม้ร้านดัง (5)Qu'il Fait Bon
เลิกงงซะที ในสถานีรถไฟญี่ปุ่น!! หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก เพราะมันสะดวกและไปได้ทั่วถึงทุกที่ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่คงจะงงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่น ไม่ใช่เฉพาะแค่มือใหม่หัดเที่ยว ขนาดมือเก่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้วบางคนยังมีอาการมึนงง นั้นเป็นเพราะมันมีรถไฟหลายประเภทหลายสายมากๆ แค่ยืนดูแผนผังรถไฟก็งงแล้ว วันนี้เรามาบอกวิธีการสังเกตง่ายๆในการทำความเข้าใจระบบรถไฟของญี่ปุ่น เพื่อจะขึ้นรถไฟแล้วไม่งงไม่หลงอีกต่อไป ทำความรู้จักกับประเภทของรถไฟต่างๆในญี่ปุ่นกันก่อน ถ้าจะให้แบ่งประเภทรถไฟในญี่ปุ่นก็อาจจะแบ่งได้หลักๆเป็น 3 ประเภท 1. รถไฟ JR 2. รถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) 3. รถไฟใต้ดิน(Subway) ที่ต้องการแบ่งให้เห็นชัดเจนอย่างนี้เพราะรถไฟแต่ละประเภทจะมีชานชาลา(Track)และมีรางวิ่งเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถ้าคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) คุณก็ต้องเดินไปขึ้นที่ชานชาลาเฉพาะของรถไฟ Shinkansen นั้นเอง เรามาลองทำความรู้จักรถไฟแต่ละประเภทให้มากขึ้น รถไฟ JR เป็นเครือข่ายรถไฟที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งวิ่งในตัวเมืองและวิ่งข้าม
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!! จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Kanagawa: เที่ยว 2 สถานศักดิ์สิทธิแห่งเมืองคามาคุระ  ตามหาเทพมังกรบนเกาะเอ็นโนชิมะ   โปรแกรมนี้ค่อนข้างแน่นถ้าจะเก็บให้ครบต้องออกแต่เช้า จบทริปก็สักประมาณหัวค่ำ ทริปนี้เริ่มจากเดินทางถึงสถานีรถไฟ  Hase Sta. เดินไปขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่วัด (1) Hasedera Temple หลังจากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาพระใหญ่ไดบุสึที่วัด (2) Kotoku-in Temple จากนั้นเดินทางต่อไปที่เกาะ (3) Enoshima Island ใช้เวลาเที่ยวบนเกาะประมาณ 3 -4 ชั่วโมง เหตุผลที่ให้เที่ยวเกาะ Enoshima เป็นที่สุดท้ายเพราะในเวลาตอนเย็นช่วงพลบค่ำบนเกาะจะเปิดไฟสวยงาม จะได้ชมบรรยากาศไปอีกแบบนึง จบทริปก็เดินทางกลับ Tokyo ENOSHIMA KAMAKURA FREE PASS การเดินทางในทริปนี้แนะนำให้ซื้อ Enoshima Kamakura Freepass 1 day เป็นพาสใช้เดินทางไปตามเมืองต่างๆ ในจังหวัด Kanagawa ภายใน 1 วัน ราคา 1,470 เยน ซึ่งจะประหยัดกว่าแยกจ่ายค่ารถไฟเป็นเที่ยวๆ (ในกรณีที่มี JR Pass ไม่ต้องซื้อพาสนี้ก็ได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่ารถไฟบางขบวนอยู่ดี) ส่วนสถานที่จำหน่ายตั๋วก็สามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราได้เลย หรือจะซื้อจากตู้จำหน่ายตั๋วในสถ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Saitama ย้อนวัยเด็กที่ตรอกลูกกวาด ตามหาเครื่องรางที่ศาลเจ้าแห่งความรัก ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่นมาก เที่ยวสบายๆ เพราะเที่ยวอยู่แค่ในเมือง Kawagoe ที่เดียว แต่ในเมืองมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะให้เราเที่ยวกันได้ทั้งวัน วิธีการเที่ยวในเมืองที่ดีที่สุดคือการเดินเที่ยวรอบเมืองจนไปสุดที่ศาลเจ้า Hikawa Shrine แล้วนั่งรถเมล์กลับมาที่สถานีรถไฟ เริ่มจากหน้าสถานีรถไฟ Kawagoe Sta. เดินไปเขตเมืองเก่า Kurazukuri จะผ่าน (1)ถนนชอปปิ้ง Crea Mall  ลักษณะจะคล้ายๆกับถนน Takeshita dori ในฮาราจูกุ จากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิที่ (2)วัด Kitain  วัดสำคัญประจำเมือง ชมพระพุทธรูปหินกว่า 540 องค์ที่มีชื่อเสียงของวัด  แวะรับประทานข้าวหน้าปลาไหลที่ร้านดัง (3)ร้าน Ichinoya  หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เดินต่อมาอีกสักพักจะเข้าสู่ (4)เขตเมืองเก่า Kurazukuri  แวะถ่ายรูปกับ (5)หอระฆัง Toki no kane  เป็นที่ระลึกซึ่งเป็น Landmark สำคัญในเขตเมืองเก่าแห่งนี้ เดินต่อไปอีกนิดจะไปถึง (6)Candy Alley หรือตรอกลูกกวาด ก่อนจะไปขอพรเรื่องความรักกันที่ (7)ศาลเจ้า Hikawa Shrine  จบโปรแก
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ HANKYU HIGHWAY BUS เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway) รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง -สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Chiba เสน่ห์ 2 เมืองเก่าในจังหวัดชิบะ ตามรอยละครดัง ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้เดินเล่นชมเมืองสบายๆในเขตเมืองเก่าทั้ง 2 เมืองในจังหวะดชิบะซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนที่พาดหัวไว้ว่า "ตามรอยละครดัง" เพราะว่ามีหนังญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้โลเคชั่นของวัดนาริตะซันกับเมื่องโบราณซาวาระเป็นที่ถ่ายทำด้วย การเดินทางสู่เมืองนาริตะเริ่มจากสถานีรถไฟ Tokyo Sta. นั่งรถไฟสาย JR Sobu Line Rapid Service ถึงสถานี Narita Sta. ใช้เวลาเดินทาง 73 นาที (จริงๆมีขบวนอื่นสามารถเดินทางมาถึงได้เหมือนกัน แต่ขบวนนี้ง่ายที่สุดแล้ว) รถไฟจะแวะจอดที่สถานี Chiba Sta. ไม่ต้องลง นั่งต่อไปเลยจนถึงสถานี Narita Sta. รถไฟขบวนนี้จะมีทุกๆชั่วโมง ถึงเมืองนาริตะ เที่ยววัดดังประจำจังหวัด Naritasan Shinshoji ตลอดเส้นทางสู่วัดนาริตะซังจะผ่านถนนสายการค้า Omotesando ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง และร้านอาหารยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะพบ