ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
แนะนำโรงแรมโดนๆ ฤดูร้อนที่ Hoshino Resort Tomamu ชมทุ่งหญ้าและทะเลหมอก@Unkai Terrace

ถ้าจะบอกว่านี่คือหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในภูมิภาคฮอกไกโดก็ว่าได้ ส่วนตัวได้มีโอกาสมาพักที่นี่ 2 ครั้งแล้ว โรงแรมแห่งนี้สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูร้อน จะมีทะเลหมอกให้ชม ในฤดูหนาวจะกลายสภาพเป็นสกีรีสอร์ท

ในส่วนของห้องพักโรงแรมจะแบ่งเป็นสองส่วนได้แก่ Risonare Tomamu โรงแรมหรูระดับห้าดาว ราคาห้องพักตกคืนละ 12,000++ ขึ้นไป และห้องพักในส่วนของ The Tower ราคาจะถูกลงมาหน่อย ผมมาพักในช่วงเดือนมิถุนายน ถือเป็นช่วง low season จองได้ราคาห้องละ 5,000++ ต่อคืนรวมอาหารเช้า นอกจากนี้ยังมีส่วนของ Clubmed ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปได้ไม่นานก็อยู่ภายในบริเวณรีสอร์ทแห่งนี้

พื้นที่ภายในบริเวณรีสอร์ทแห่งนี้กว้างใหญ่มาก ประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารอยู่ 6 กลุ่ม บางส่วนเชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์ทางเดินที่ทำด้วยกระจก หรือถ้าไม่อยากเดิน ทางรีสอร์ทก็มีรถรับส่งไปยังแต่ละโซนโดยรถจะวิ่งวนเป็นวงกลม

ภายในรีสอร์ทจะมีร้านอาหารกว่า 20 ร้าน กระจายตัวอยู่ตามโซนต่างๆ ผมเลือกมาทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร The Bowl & Roll House Eni ที่อยู่ในโซน Hotalu Street

ร้านนี้ขายข้าวหน้าทะเลในรูปแบบฟิวชั่นฟู๊ด มีความเป็นตะวันตกเข้ามาผสมผสาน วัตถุดิบจะเน้นเป็นกุ้งกับปู เราสั่งไปสองจาน จานแรกเป็นข้าวหน้ากุ้งเทมปูระท๊อปปิ้งด้วยไข่ปลาและชีส

ส่วนจานที่สองคือข้าวหน้าปูนิ่มเทมปูระไข่ข้นซอสมะเขือเทศ ร้านนี้ดีมากครับ ถ้าใครมาพักที่นี่แนะนำให้ลองมากินครับ


หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ เราไปแช่ออนเซนกันต่อที่โซน Minamina Beach โซนนี้จะมีสระว่ายน้ำในร่มที่เค้าเคลมว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น จำลองบรรยายเป็นเหมือนชายหาดในร่มที่มีคลื่นน้ำเสมือนจริง ภายในมีการควบคุมอุณหภูมิไว้ ทำให้ในช่วงฤดูหนาวก็สามารถมาเล่นน้ำที่นี่ได้

ในส่วนของออนเซน Kirin no yu จะเป็นออนเซนแบบ outdoor แยกชายหญิง เป็นส่วนนึงในโซน Minamina Beach

รีสอร์ทแห่งนี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี แม้ในช่วงฤดูร้อน พอตกกลางคืนอากาศก็ยังเย็น พอเริ่มมืดแล้วหลายๆจุดในบริเวณรีสอร์ทจะมีการจุดกองไฟ ให้นักท่องเที่ยวมานั่งผิงไฟกัน บรรยากาศดีมาก


ละก็มาถึงอาหารเย็นที่ห้องอาหาร Nininupuri Forest Restaurant ความพิเศษคือจะเป็นอาคารเรือนกระจกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสน

ห้องอาหาร Nininupuri จะจัดเป็นอาหารบุฟเฟ่ เป็นไลน์บุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นผสมกับอาหารตะวันตก อาหารจัดว่าดี แต่ที่ดีกว่าคือบรรยากาศ

หลังอาหารเย็นเรายังมีอีกหนึ่งกิจกรรมคือการไปชม Chapel on the water หรือโบสถกลางน้ำ เปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ เริ่มตั้งแต่สองทุ่มครึ่งเป็นต้นไป ตอนเรามาถึงก็มีนักท่องเที่ยวมาต่อแถวรอคิวกันเยอะพอสมควร

มันเป็นอีกอาคารนึงที่แยกตัวออกมา ตั้งอยู่ติดกับสระน้ำ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ และมีไม้กางเขนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ก่อนการแสดงบรรกาศด้านนอกยังคงมืดสนิท

ภายในห้องมีม้านั่งยาวลักษณะเหมือนม้านั่งในโบสถ์ ผนังด้านหน้าห้องเป็นกระจกใสแบ่งเป็นสี่ช่องรูปทรงคล้ายไม้กางเขน

ทันทีที่ผนังกระจกด้านหน้าเปิดออก บรรยากาศภายนอกเหมือนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับภายใน จะมองเห็นไม้กางเขนที่อยู่กลางสระน้ำและต้นไม้ล้อมรอบ มีการจัดแสดงไฟสวยงาม บรรยากาศที่เงียบสงบพร้อมดนตรีบรรเลงเบาๆ ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูมีมนต์ขลัง

เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจะไปดูทะเลหมอกที่ Unkai Terrace ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ในหน้าร้อนของรีสอร์ทแห่งนี้ โดยจะต้องมานั่งรถ shuttle bus ของโรงแรม เพื่อไปยังสถานีกระเช้าขึ้นไปบนเขา รถบริการจะมีเป็นรอบๆ รอบแรกเริ่มที่ 5:30 น

สำหรับคนที่ไม่ได้พักอยู่ที่รีสอร์ทแห่งนี้และต้องการมาเที่ยวที่ Unkai Terrace ก็สามารถมาซื้อบัตรขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นไปชมทะเลหมอกได้ แต่สำหรับแขกโรงแรมราคาห้องพักจะรวมราคาค่ากระเช้าไว้อยู่แล้ว

ขึ้นกระเช้ามาได้สักประมาณ 15 นาที ก็จะถึงสถานีปลายทาง ระหว่างทางวิวปังมาก!! มองเห็นตึก The Tower อยู่ไกลๆ

ละก็มาถึง unkai terrace บรรยากาศโดยรอบขาวโพลนไปหมด วันนี้หมอกลงหนามาก เนื่องจากเมื่อคืนฝนตกปอยๆตลอดทั้งคืน ถึงหมอกจะลงจัด แต่ก็ไม่ได้ภาพทะเลหมอกที่เราอยากจะได้เห็น

ขออนุญาตเอาภาพจากในอินเทอร์เน็ตมาให้ดู unkai terrace ในวันที่สามารถเห็นเป็นทะเลหมอก ผมมาที่รีสอร์ทแห่งนี้ 2 ครั้งในฤดูร้อนก็ยังไม่เคยได้เห็นภาพทะเลหมอกแบบนี้ มันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน อันนี้มันแล้วแต่ดวงจริงๆ

หลังจากผิดหวังกับวิวทะเลหมอก ก็มานั่งกินกาแฟ อยู่ที่ระเบียงกลางแจ้ง ที่ร้าน cloud cafe พอสั่งกาแฟเค้าจะให้มาชเมลโล่มาด้วยชิ้นนึง เป็นมาชเมลโล่รูปทรงคล้ายก้อนเมฆดูน่ารักดี


ใกล้กันมีร้านขายโปสการ์ด เราสามารถส่งโปสการ์ด กลับไปให้กับตัวเอง หรือจะส่งให้เพื่อนเป็นที่ระลึก

จากนั้นเราเดินกันต่อ รอบๆบริเวณนี้เค้ามีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่กลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญๆให้คนมาถ่ายรูปกัน


เดินมาได้สักพักก็จะมาเจอจุดแรก เรียกว่า Cloud Walk เป็นทางเดินที่ทำยื่นออกไปจากหน้าผา ในวันที่มีทะเลหมอก ก็คงจะได้ใกล้ชิดกับทะเลหมอกมากยิ่งขึ้น เหมือนกับเดินอยู่บนเมฆ แต่วันนี้มันขาวไปหมดจนไม่เห็นอะไรเลย

 เดินมาอีกสักระยะหนึ่ง ก็จะไปถึงจุดต่อไปจุดนี้เรียกว่า Cloud Bed ทำเป็นลักษณะลูกกลมๆวางเรียงตัวกันแบบ Freeform ดูแปลกตา แต่มัน bed ตรงไหนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คงจะมีไว้ให้นั่งเล่นนอนเล่นมั้ง

และจุดสุดท้ายซึ่งถือเป็นไฮไลท์ เรียกว่า Cloud Pool  ลักษณะเหมือนแอ่งกระทะ ยึดตาข่ายไว้ คงจะตั้งใจทำให้เหมือนกับอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยทะเลหมอก แลดูคล้ายฟองสบู่


จุดนี้คนมารอต่อคิวถ่ายรูปเยอะมาก เค้าให้เข้าไปถ่ายรูปได้ทีละคนทีละกลุ่ม มีเวลาโพสต์ท่าถ่ายรูปได้ไม่นานนัก เพราะจะโดนคนที่รอต่อคิวใช้สายตากดดัน




หลังจากกลับลงมาจาก Unkai Terrace เราก็มากินอาหารเช้าที่ห้องอาหารญี่ปุ่น Mikaku ที่นี่เขาจัดเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่น


ก่อนจะกลับเราเดินเล่นถ่ายรูปอีกสักรอบ ในช่วงฤดูร้อน พื้นโดยรอบจะเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆสีเขียว มีการตกแต่งจัด prop. ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปกัน

โรงแรม Hoshino Resort Tomamu เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ผมใส่เข้าไปใน Top List ว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น มีกิจกรรมให้ทำเยอะ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน ที่สำคัญสามารถเที่ยวได้ทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว คราวหน้าถ้ามีโอกาสผมจะมารีวิวโรงแรมแห่งนี้ในช่วงฤดูหนาว มาดูกันว่าบรรยากาศจะแตกต่างกันอย่างไร และมีกิจกรรมฤดูหนาวอะไรให้ทำบ้าง ขอบคุณที่ติดตามครับ

ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำโรงแรมโดนๆ: Urashima Hotel  โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกับสุดยอดออนเซน!! วันนี้มารีวิวโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีชื่อว่า Urashima Hotel ตั้งอยู่ในจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) เมืองคิอิคัทสึอูระ (Kiikatsuura) เมืองนี้เป็นแหล่งจับปลาทูน่าได้มากที่สุดของญี่ปุ่นด้วย โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่เกาะ ประมาณว่าเกาะทั้งเกาะเป็นของเค้า พื้นที่หลักๆแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกตั้งอยู่เชิงเขาด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ reception และห้องพักบางส่วน ส่วนพื้นที่ที่สองจะตั้งอยู่บนเขาซึ่งเป็นส่วนของห้องพักในระดับราคาที่แพงขึ้นไป มีจุดชมวิว รวมไปถึงออนเซนในบรรยากาศสุดยอด ไฮไลท์ของโรงแรมคือบ่อออนเซนทั้ง 6 บ่อในบรรยากาศออนเซนที่อยู่ในถ้ำริมหน้าผาติดทะเล จะสวยงามอย่างไรตามมาชมเลยครับ เนื่องจากตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเกาะที่แยกตัวออกไป การเดินไปโรงแรมเราต้องนั่งเรือข้ามไป ซึ่งทางโรงแรมก็มีบริการเรือรับส่งให้กับนักท่องเที่ยวฟรี รอสักพักเรือของโรงแรมก็มา จากท่าเรือมองเห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ นั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง เข้ามาถึงโรงแรมก็จะเจอเคาน์เตอร์ Check in ก่อน หลั
ร้านอร่อย NAGOYA : พากิน ประชัดความอร่อย!! วันนี้จะพามากินเมนูเด่นเมนูดังในเมืองนาโกย่า ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ ร้านแรกที่จะพาไปกินคือร้านข้าวหน้าหมูทอด yabaton เมนูเหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ความพิเศษของข้าวหน้าหมูทอดร้านนี้คือเจ้าตัวซอสมิโซะที่ใช้ราดบนหมูทอด แตกต่างจากร้านทงคัตสึทั่วไปที่จะกินกับซอสวูสเตอร์(ซอสรสเปรี้ยวอมหวาน) ซึ่งเจ้าซอสมิโซะก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองนาโงย่านี่แหละ อีกเมนูนึงที่จะพาไปกินคือข้าวหน้าปลาไหล Horaiken ร้านนี้เป็นต้นกำเนิดเมนูข้าวหน้าปลาไหลเลยนะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น สำหรับผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย วันนี้พาไปกินร้านดังทั้งสองร้านของเมืองนาโงย่า ส่วนร้านไหนอร่อยกว่ากันให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินเองนะครับ^^ YABATON  ข้าวหน้าหมูทอด เริ่มที่ข้าวหน้าหมูทอด Yabaton ก่อน ร้านนี้จริงๆมีสาขาอยู่ทั่วเมืองนาโงย่า ประมาณว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ แต่เราจะพามาที่สาขาตรงสถานีรถไฟ JR Nagoya หาง่ายหน่อย พอมาถึงสถานีรถไฟ JR Nagoya แล้วให้เดินออกทางด้านหลัง ตรงทางออก Taiko-do
แนะนำโรงแรมโดนๆ: SARUGAKYO โรงแรมเต้าหู้ ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ ที่เรียกว่าโรงแรมเต้าหู้เพราะมีโรงงานทำเต้าหู้เล็กๆอยู่ภายในโรงแรม ที่สำคัญเค้าสามารถนำเอาผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ที่ทำเองมารังสรรค์เป็นเมนูหลากหลายให้แขกที่มาพักในโรงแรมได้ทานกันทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็น ขอบอกเลยว่าอร่อยมาก ไม่คิดว่าเต้าหู้จะสามารถนำมาทำเป็นอาหารทั้งคาวหวานได้หลากหลายแบบนี้ ตามมาดูกันเลย Sarugakyo (อ่านว่า: ซารุกาเคียว) เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ(Gunma) ในเมืองมินาคามิ (Minakami) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติโจชินเอะสึโคเก็น ติดกับทะเลสาบอะคายะ อีกฟากของโรงแรมจะเป็นเทือกเขาทานิกาว่า มีทัศนียภาพสวยงามตลอดทั้งปี บริเวณล๊อปบี้ของโรงแรมสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบอะคายะได้อย่างชัดเจน โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมด 52 ห้อง มีตั้งแต่ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น และห้องพักที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นผสมตะวันตก มาดูโรงงานเต้าหู้ภายในโรงแรมกันบ้าง โรงงานจะเป็นอาคารชั้นเดียวแยกออกมาต่างหากจากอาคารที่พัก ตั้งอยู่ชั้นล่
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Shizuoka พอพูดถึงการมาเที่ยวชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนจะนึกถึงเมือง Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi จริงๆแล้วภูเขาไฟฟูจิมีพื้นที่ติดกับสองจังหวัดในญี่ปุ่น อีกจังหวัดที่กล่าวถึงคือจังหวัด Shizuoka ซึ่งจะมีทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามแตกต่างกันออกไป การมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดชิซูโอกะ เราจะได้พบกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิกับไร่ชาเขียวซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ รายละเอียดโปรแกรมการเที่ยว เริ่มจากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shizuoka Sta. ต่อรถบัสมาเที่ยวแถบ Nihondaira แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิว (1)Nihondaira Hill สัมผัสกรรมวิธีการเก็บใบชาที่ (2)Nihondaira Tea Hall ถ่ายรูปไร่ชาโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ตลอดจนแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ที่ร้านขายชาในสวน จากนั้นเดินกลับมาขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขา Mt.Kuno ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า (3)Kunosan Toshogu ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนั่งกระเช้ากลับลงมาต่อรถบัสกลับเข้าไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นช็อปปิ้งที่ถนน (4)Gofukucho Dori แวะทานทาร์ตผลไม้ร้านดัง (5)Qu'il Fait Bon
เลิกงงซะที ในสถานีรถไฟญี่ปุ่น!! หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก เพราะมันสะดวกและไปได้ทั่วถึงทุกที่ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่คงจะงงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่น ไม่ใช่เฉพาะแค่มือใหม่หัดเที่ยว ขนาดมือเก่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้วบางคนยังมีอาการมึนงง นั้นเป็นเพราะมันมีรถไฟหลายประเภทหลายสายมากๆ แค่ยืนดูแผนผังรถไฟก็งงแล้ว วันนี้เรามาบอกวิธีการสังเกตง่ายๆในการทำความเข้าใจระบบรถไฟของญี่ปุ่น เพื่อจะขึ้นรถไฟแล้วไม่งงไม่หลงอีกต่อไป ทำความรู้จักกับประเภทของรถไฟต่างๆในญี่ปุ่นกันก่อน ถ้าจะให้แบ่งประเภทรถไฟในญี่ปุ่นก็อาจจะแบ่งได้หลักๆเป็น 3 ประเภท 1. รถไฟ JR 2. รถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) 3. รถไฟใต้ดิน(Subway) ที่ต้องการแบ่งให้เห็นชัดเจนอย่างนี้เพราะรถไฟแต่ละประเภทจะมีชานชาลา(Track)และมีรางวิ่งเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถ้าคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) คุณก็ต้องเดินไปขึ้นที่ชานชาลาเฉพาะของรถไฟ Shinkansen นั้นเอง เรามาลองทำความรู้จักรถไฟแต่ละประเภทให้มากขึ้น รถไฟ JR เป็นเครือข่ายรถไฟที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งวิ่งในตัวเมืองและวิ่งข้าม
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!! จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Kanagawa: เที่ยว 2 สถานศักดิ์สิทธิแห่งเมืองคามาคุระ  ตามหาเทพมังกรบนเกาะเอ็นโนชิมะ   โปรแกรมนี้ค่อนข้างแน่นถ้าจะเก็บให้ครบต้องออกแต่เช้า จบทริปก็สักประมาณหัวค่ำ ทริปนี้เริ่มจากเดินทางถึงสถานีรถไฟ  Hase Sta. เดินไปขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่วัด (1) Hasedera Temple หลังจากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาพระใหญ่ไดบุสึที่วัด (2) Kotoku-in Temple จากนั้นเดินทางต่อไปที่เกาะ (3) Enoshima Island ใช้เวลาเที่ยวบนเกาะประมาณ 3 -4 ชั่วโมง เหตุผลที่ให้เที่ยวเกาะ Enoshima เป็นที่สุดท้ายเพราะในเวลาตอนเย็นช่วงพลบค่ำบนเกาะจะเปิดไฟสวยงาม จะได้ชมบรรยากาศไปอีกแบบนึง จบทริปก็เดินทางกลับ Tokyo ENOSHIMA KAMAKURA FREE PASS การเดินทางในทริปนี้แนะนำให้ซื้อ Enoshima Kamakura Freepass 1 day เป็นพาสใช้เดินทางไปตามเมืองต่างๆ ในจังหวัด Kanagawa ภายใน 1 วัน ราคา 1,470 เยน ซึ่งจะประหยัดกว่าแยกจ่ายค่ารถไฟเป็นเที่ยวๆ (ในกรณีที่มี JR Pass ไม่ต้องซื้อพาสนี้ก็ได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่ารถไฟบางขบวนอยู่ดี) ส่วนสถานที่จำหน่ายตั๋วก็สามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราได้เลย หรือจะซื้อจากตู้จำหน่ายตั๋วในสถ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Saitama ย้อนวัยเด็กที่ตรอกลูกกวาด ตามหาเครื่องรางที่ศาลเจ้าแห่งความรัก ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่นมาก เที่ยวสบายๆ เพราะเที่ยวอยู่แค่ในเมือง Kawagoe ที่เดียว แต่ในเมืองมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะให้เราเที่ยวกันได้ทั้งวัน วิธีการเที่ยวในเมืองที่ดีที่สุดคือการเดินเที่ยวรอบเมืองจนไปสุดที่ศาลเจ้า Hikawa Shrine แล้วนั่งรถเมล์กลับมาที่สถานีรถไฟ เริ่มจากหน้าสถานีรถไฟ Kawagoe Sta. เดินไปเขตเมืองเก่า Kurazukuri จะผ่าน (1)ถนนชอปปิ้ง Crea Mall  ลักษณะจะคล้ายๆกับถนน Takeshita dori ในฮาราจูกุ จากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิที่ (2)วัด Kitain  วัดสำคัญประจำเมือง ชมพระพุทธรูปหินกว่า 540 องค์ที่มีชื่อเสียงของวัด  แวะรับประทานข้าวหน้าปลาไหลที่ร้านดัง (3)ร้าน Ichinoya  หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เดินต่อมาอีกสักพักจะเข้าสู่ (4)เขตเมืองเก่า Kurazukuri  แวะถ่ายรูปกับ (5)หอระฆัง Toki no kane  เป็นที่ระลึกซึ่งเป็น Landmark สำคัญในเขตเมืองเก่าแห่งนี้ เดินต่อไปอีกนิดจะไปถึง (6)Candy Alley หรือตรอกลูกกวาด ก่อนจะไปขอพรเรื่องความรักกันที่ (7)ศาลเจ้า Hikawa Shrine  จบโปรแก
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ HANKYU HIGHWAY BUS เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway) รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง -สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Chiba เสน่ห์ 2 เมืองเก่าในจังหวัดชิบะ ตามรอยละครดัง ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้เดินเล่นชมเมืองสบายๆในเขตเมืองเก่าทั้ง 2 เมืองในจังหวะดชิบะซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนที่พาดหัวไว้ว่า "ตามรอยละครดัง" เพราะว่ามีหนังญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้โลเคชั่นของวัดนาริตะซันกับเมื่องโบราณซาวาระเป็นที่ถ่ายทำด้วย การเดินทางสู่เมืองนาริตะเริ่มจากสถานีรถไฟ Tokyo Sta. นั่งรถไฟสาย JR Sobu Line Rapid Service ถึงสถานี Narita Sta. ใช้เวลาเดินทาง 73 นาที (จริงๆมีขบวนอื่นสามารถเดินทางมาถึงได้เหมือนกัน แต่ขบวนนี้ง่ายที่สุดแล้ว) รถไฟจะแวะจอดที่สถานี Chiba Sta. ไม่ต้องลง นั่งต่อไปเลยจนถึงสถานี Narita Sta. รถไฟขบวนนี้จะมีทุกๆชั่วโมง ถึงเมืองนาริตะ เที่ยววัดดังประจำจังหวัด Naritasan Shinshoji ตลอดเส้นทางสู่วัดนาริตะซังจะผ่านถนนสายการค้า Omotesando ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง และร้านอาหารยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะพบ