ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
"รีวิว โรงแรม Toyoko Inn โรงแรมประหยัดที่มีเครือข่ายมากที่สุดในญี่ปุ่น"

"ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วไม่เคยเห็น TOYOKO INN เหมือนมาไม่ถึง" คำพูดนี้คงไม่เกินจริง เพราะถ้าคุณลองสังเกตุดู ทุกครั้งที่คุณเดินออกจากสถานีรถไฟ ภายในรัศมี 1 กิโลเมตรคุณมักจะพบเห็นโรงแรม Toyoko Inn อยู่เสมอ Toyoko Inn เป็นโรงแรมทึ่มีสาขาเยอะที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันมีมากกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ แทบทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวจะต้องมีโรงแรม Toyoko Inn ตั้งอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟเสมอ ในเมืองใหญ่ๆ ในบางพื้นที่ที่กับใกล้สถานีรถไฟอาจจะมีสาขาของโรงแรม Toyoko Inn มากถึง 2-3 สาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกัน "นี่มันโรงแรมหรือ 7-11 กันแน่???"

โรงแรม Toyoko Inn เป็น Budget Hotel ระดับสามดาว ไม่ได้หรูหรา มีขนาดไม่ใหญ่นัก ห้องพักสะอาด เดินทางสะดวกเพราะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ถึงแม้โรงแรมและห้องพักจะมีขนาดเล็กไปสักหน่อยแต่มีสาธารณูปโภคครบครัน รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นตามมาตราฐานของโรงแรมที่ดี(อาจจะแตกต่างกันบ้างในบ้างสาขา สามารถเช็กได้จาก website ของโรงแรมแต่ละสาขา)
 

ทุกสาขาตกแต่งในมาตรฐานเดียวกันหมดไม่ว่าจะเป็นลักษณะตัวอาคาร การตกแต่งภายใน หรือแม้กระทั้งรูปแบบห้องพัก เน้นทำเลใกล้สถานีรถไฟทั้ง JR และ Subway แม้กระทั่งในบางสาขาที่ตั้งอยู่ไกลออกไปจากสถานีรถไฟ ทางโรงแรมก็มี Free Shuttle Bus รับส่งทั้งจากสถานีรถไฟและจากสนามบินด้วย
สามารถเช็กสาขาที่มีรถ Free Shuttle Bus ไว้ให้บริการได้ที่นี่


สาเหตุที่ทำให้โรงแรม Toyoko Inn สามารถขยายสาขาได้มากมายขนาดนี้ เค้ามีกลยุทธที่น่าสนใจ "นโยบายการผูกมิตรกับชุมชน" โดยให้เจ้าของพื้นที่สร้างตึก แล้วทางโรงแรมเข้ามาเช่าพื้นที่บริหาร จ้างคนพื้นที่เข้ามาทำงานในโรงแรม เน้นสร้างสาขาโรงแรมขนาดไม่ใหญ่มาก แต่กระจายทั่วถึงทุกพื้นที่ เป็นโรงแรมที่ไม่มีห้องจัดเลี้ยง และส่วนใหญ่ไม่มีร้านอาหารภายในโรงแรม ก็เพื่อต้องการให้แขกที่มาพักในโรงแรมออกไปหากินตามร้านค้าบริเวณใกล้เคียง เป็นการสร้างการค้าชุมชนบริเวณรอบๆโรงแรม เรียกได้ว่าโรงแรมไปเปิดที่ไหน กำลังซื้อก็จะตามไปนั้นเอง

ประเภทของห้องพัก (ROOM TYPES)
ห้องพักของโรงแรมจะแบ่งออกเป็นสองโซนคือ โซนสูบบุหรี่(Smoking) และโซนห้ามสูบบุหรี่(Non-Smoking) มีห้องไว้ค่อยบริการหลายประเภท หลายขนาดดังนี้

SINGLE ROOM เป็นห้องพักสำหรับพักได้ 1 คน เป็นเตียงเดี่ยว 1 เตียง ซึ่งจะแบ่งออกเป็นอีก 3 ประเภทได้แก่ Single Room A, Single Room Standard และ Deluxe Single Room จะแตกต่างกันที่ขนาดห้องและขนาดเตียง

DOUBLE ROOM เป็นห้องพักสำหรับ 2 คน เป็นห้องเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ตามขนาดพื้นที่ Economy Double Room, Double Room Standard และ Kings Double Room

TWINS ROOM เป็นห้องเตียงคู่ขนาดเล็ก 2 เตียง พักได้ 2 คน มีห้อง 2 ขนาดคือ Economy Twins Room และ Twins Room Standard

FAMILY TWINS ROOM เป็นห้องที่พักได้ 3 คน มีเตียงใหญ่(Double Bed) นอนได้ 2 คน 1 เตียง และเตียงขนาดเล็ก(Single Bed) สำหรับนอนคนเดียวอีก 1 เตียง

DELUXE TWINS ROOM เป็นห้องขนาดใหญ่นอนได้ 4 คน ขนาดห้องจะใหญ่เป็นสองเท่าของห้องเดี่ยว ประกอบไปด้วย 1 เตียงใหญ่(Double Bed) 1 เตียงเล็ก(Single Bed) และ Sofa Bed
 
BUSINESS TWINS ROOM เป็นห้องพักได้ 2 คน เตียงเดี่ยว 2 เตียงแบ่งเป็นโซนซ้ายขวาเพิ่มความเป็นส่วนตัว ขั้นกลางด้วยห้องน้ำ แต่ละโซนที่นอนจะมีโต๊ะทำงานและทีวีส่วนตัว ห้องลักษณะนี้มีแค่เฉพาะในบางสาขาเท่านั้น
สาขาไหนบ้างที่มีห้องพักแบบ Business Twins Room สามารถเช็กได้ที่นี่

CONNECTING ROOM เป็นห้อง 2 ห้องติดกัน มีประตูภายในห้องเปิดเข้าหากันได้ ห้องลักษณะนี้มีอยู่ไม่เยอะ และมีแค่บางสาขาเท่านั้น ส่วนจำนวนคนที่สามารถเข้าพักได้ขึ้นอยู่กับประเภทของห้องที่โรงแรมในแต่ละสาขามี ไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าจะจองห้องพักประเภทนี้ต้องจองทางโทรศัพท์เท่านั้น
สาขาไหนบ้างที่มีห้องพักแบบ Connecting Room สามารถเช็กได้ที่นี่

สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าพัก
อาหารเช้าฟรี ถ้าเราจองห้องพักโดยตรงกับโรงแรมหรือผ่านเว็ปไซค์ของโรงแรม ราคาห้องพักจะรวมอาหารเช้าไว้แล้ว อาหารเช้าอาจจะไม่ได้หรูหราอะไร แต่รสชาติดีทีเดียว เป็นเมนูอาหารง่ายๆ เน้นสุขภาพ และใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่นมาปรุงเป็นบุฟเฟ่อาหารเช้าให้เราทานกัน

เด็กอายุไม่เกิน 12 ปีพักฟรี เด็กอายุไม่เกิน 12 ปีสามารถนอนเตียงเดียวกับพ่อแม่ได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งนี้จำกัดให้เฉพาะ 1 เตึยงสามารถเอาเด็กมานอนด้วยได้ 1 คนเท่านั้น ส่วนอาหารเช้าเด็กสามารถทานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

FREE WIFI โรงแรมมีสัญญาณ Wifi ให้ใช้ทั้งในห้องพักและบริเวณล๊อปบี้ของโรงแรม ในห้องพักจะมีสาย LAN ไว้ให้ต่อกับคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊คได้ สัญญาน WIFI อาจจะช้าสักหน่อยในช่วงเวลาที่มีคนเข้ามาใช้เยอะๆ

ECO PLAN สำหรับแขกที่เข้าพักมากกว่า 1 คืน สามารถเข้าร่วมโครงการ ECO Plan เพื่อรับส่วนลด 300 เยนต่อคืน โดยกำหนดวันที่ไม่ต้องทำความสะอาดห้องและไม่ต้องเปลี่ยนผ้าห่ม ผ้าปูเตียง รวมไปถึงของใช้ส่วนตัว เช่น ที่โกนหนวด แปรงสีฟัน(ส่วนผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า และพรมเช็ดเท้ายังเปลี่ยนชุดใหม่ให้ โดยจะแขวนที่หน้าประตู) แต่จะไม่สามารถใช้ ECO Plan 2 วันติดต่อกัน

TOYOKO INN CLUB CARD
โดยปกติการจองห้องพักสามารถจองได้จากเว็ปไซค์ของโรงแรมโดยตรงหรือจองผ่านเอเจนซี่ ถ้าเรามีบัตรสมาชิกของโรงแรม เราจะสามารถจองห้องพักได้ในราคาที่ถูกกว่าจองผ่านเอเจนซี่ทั่วไป แต่จะต้องจองห้องพักผ่านเว็ปไซค์ของโรงแรมเท่านั้น การสมัครสมาชิกจะมีค่าธรรมเนียม 1,500 เยน ไม่สามารถสมัครผ่านเว็ปไซค์ของโรงแรมได้ จะต้องสมัครที่เคาน์เตอร์ reception ของโรงแรม(ได้ทุกสาขา)เท่านั้น เพราะจะต้องถ่ายรูปพริ้นลงบัตร ในวันที่เข้า check in ถ้าสมัครสมาชิกในวันนั้นก็สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ได้ทันที

สิทธิประโยชน์ของผู้ถือบัตรสมาชิก
สำหรับผู้ถือบัตรสมาชิกของโรงแรมสามารถได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น

ส่วนลดห้องพักและคะแนนสะสม สมาชิกจะได้รับส่วนลดราคาห้องพัก 20% ในวันอาทิตย์และวันหยุด และ 5% ในวันจันทร์ถึงเสาร์

พัก 10 คืน ฟรี 1 คืน ทุกๆครั้งที่เข้าพักจะได้รับคะแนนสะสม 1 คะแนนต่อห้องต่อคืน สะสมครบ 10 คะแนนสามารถแลกห้องพักฟรีได้ด้วย แต่ห้องฟรีที่ได้จะเป็นแบบ Single Room พักได้ 1 คน ถ้าเราต้องการห้องพักประเภทอื่นหรือต้องการเข้าพักมากกว่า 1 คน เราสามารถ upgrade ห้องพักได้โดยจ่ายส่วนต่างเพิ่ม

TOYOKO DAY ทุกๆวันที่ 10 ของเดือน ถือเป็นวัน "TOYOKO DAY" ผู้ที่เข้าพักในวันนี้จะได้คะแนนสะสมเพิ่มขึ้นพิเศษอีก 1 คะแนน

จองห้องพักล่วงหน้าได้ 6 เดือน เนื่องจากเป็นโรงแรมที่เป็นที่นิยมสำหรับนักเดินทางทั้งชาวต่างชาติและคนญี่ปุ่นเอง ถึงแม้จะมีสาขาเยอะแต่เวลาจองห้องพักมักจะเต็ม หลายครั้งไม่ได้ห้องพักตามวันที่ต้องการ สำหรับสมาชิกสามารถจองห้องพักล่วงหน้าได้ 6 เดือน(บุคคลทั่วไปจะจองล่วงหน้าได้แค่ 3 เดือน) และ early check in ได้ในเวลา 15:00น.(ปกติจะให้ check in ได้เวลา 16:00น.)

วิธีการจองห้องพักผ่านเว็ปไซค์ของโรงแรม
คุณอาจจะเคยเห็นห้องพักของโรงแรม Toyoko Inn จากเว็ปไซค์ของเอเจนซี่อย่างเช่น Agoda หรือ Booking.com ซึ่งบางทีจะแสดงราคาที่ถูกกว่า แต่ต้องลองสังเกตุดูให้ดีๆ ว่าการจองผ่านเอเจนซี่เหล่านั้นมีกำหนดเงื่อนไขอะไรบางอย่างหรือป่าว เช่น ไม่มีอาหารเช้า

การจองห้องพักผ่านทางเว็ปไซค์ของโรงแรมโดยตรง ทางโรงแรมเค้าการันตีราคาที่ดีที่สุดภายใต้เงื่อนไขทุกอย่างที่เหมือนกัน เช่น ประเภทของห้องพัก จำนวนคนและช่วงเวลาที่เข้าพัก รวมไปถึงสิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าพัก เป็นต้น โดยเฉพาะผู้ที่ถือบัตรสมาชิก Toyoko Inn Club Card จะต้องจองห้องพักผ่านทางเว็ปไซค์ของโรงแรมเท่านั้นถึงจะได้รับส่วนลดและสิทธิพิเศษอื่นๆ

การจองห้องพักเริ่มจากเข้ามาในลิ๊งค์นี้ https://www.toyoko-inn.com/eng จากตัวอย่างด้านล่างเป็นการจองผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ถ้าในหน้าจอมือถืออาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย

1. เข้ามาในเว็ปไซค์ของ Toyoko Inn แล้ว เลือก Find a hotel

2. ระบุวันที่ที่ต้องการจะเข้าพัก สำหรับบุคคลทั่วไปจะจองห้องพักล่วงหน้าได้ 3 เดือน ส่วนสมาชิกจะสามารถจองล่วงหน้าได้ 6 เดือน

3. ระบุจำนวนคืนที่จะเข้าพัก สามารถกำหนดได้สูงสุด 7 คืน ถ้าจะพักมากกว่านั้นต้องแบ่งจองเป็น 2 ครั้ง

4. กำหนดสถานที่ ในช่องนี้พอคลิ๊กเข้าไป จะมีให้เลือกจังหวัดต่างๆที่มีสาขาของโรงแรม Toyoko Inn ตั้งอยู่ รวมไปถึงสาขาที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่นด้วย

5. พอเลือกจังหวัดแล้ว ก็มาคลิ๊กที่ช่อง Choose a hotel จะมีรายชื่อสาขาของโรงแรมที่อยู่ในจังหวัดที่เรากำหนดไว้

6. เลือกประเภทของห้องพัก และสามารถกำหนดได้ว่าจะเอาห้องที่อยู่ในโซนสูบบุหรี่หรือไม่ แต่แนะนำให้เลือกไว้ที่ Not select ไว้ก่อน เพราะถ้าเราไปกำหนดว่า Non smoking โปรแกรมมันจะไปค้นหาแต่ห้องพักที่ไม่ให้สูบบุหรี่ ซึ่งมันอาจจะไม่มี การจองห้องพักให้ได้ตามวันที่ต้องการ ตามเงื่อนไขที่เรากำหนดไปทุกอย่าง อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก บางครั้งอาจจะต้องมีการอนุโลมบ้าง เพราะฉะนั้นแนะนำให้กำหนดเงื่อนไขไว้หลวมๆก่อน แล้วค่อยมาเลือกอีกที

7. หลังจากกำหนดเงื่อนไขทุกอย่างแล้ว โปรแกรมจะแสดงผลประเภทของห้องพักทั้งหมดที่มี สังเกตุจะมีช่องสำหรับบุคคลทั่วไปกับช่องของสมาชิก Toyoko Inn Club Card ซึ่งจะแสดงราคาปกติกับราคาสมาชิก(ถ้าเรากำหนดจำนวนวันที่เข้าพักมากกว่า 1 คืน ราคาที่แสดงผลจะเป็นราคารวมจำนวนวันทั้งหมดที่เข้าพัก) ห้องพักที่ว่างสามารถจองได้จะเป็นปุ่มสีส้มที่มีคำว่า Reserve ให้คลิ๊กเข้าไป

8. เมื่อกดเลือกห้องพักแล้ว โปรแกรมจะให้เราระบุรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว และแสดงผลประเภทของห้องพัก จำนวนคืน ที่เราเลือกไว้ สามารถแก้ไขรายละเอียดต่างๆได้จากหน้านี้


9. กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม จะมีบริการเสริมให้เราเลือก เข่นต้องการจะดูหนังมั้ย เค้าจะคิดแบบเหมาจ่าย 500 เยน หรือต้องการจองห้องพักพร้อม Gift Voucher เพื่อนำไปใช้จ่ายแทนเงินสดมั้ย ซึ่งในสองส่วนนั้นเราไม่ต้องไปให้ความสำคัญอะไร มาให้ความสำคัญในส่วนของ ECO PLAN ดีกว่า ว่าต้องการใช้บริการเพื่อรับส่วนลดมั้ย ถ้าเรากดเลือกใช้บริการ จะมีจำนวนวันทั้งหมดที่เราพักขึ้นมาให้เลือกว่าต้องการใช้ ECO PLAN วันไหนบ้าง ภายใต้เงื่อนไขสามารถเริ่มใช้ ECO PLAN ได้ในวันที่สอง(เพราะวันแรกเค้าทำความสะอาดห้องไว้ให้อยู่แล้ว) และไม่สามารถใช้ ECO PLAN ได้ 2 วันติดกัน

10. ขั้นตอนการชำระเงิน จริงๆแล้วขั้นตอนนี้เป็นเพียงแค่การการันตีการจองโดยต้องใช้บัตรเครดิตในการการันตี ยังไม่มีการตัดค่าใช้จ่ายจากบัตรจริง การชำระค่าห้องพักจะไปชำระที่เคาน์เตอร์ Reception ของโรงแรมในวัน Check in เท่านั้น ซึ่งก็ถือเป็นข้อดีอีกอย่างนึงที่เราไม่ต้องชำระค่าห้องพักล่วงหน้า ในส่วนนี้ให้ระบุรายละเอียดของบัตรเครดิตลงไป

11. เสร็จสิ้นขบวนการ โปรแกรมจะทำการคำนวนยอดเงินรวมทั้งหมดให้ ให้เรากดยืนยันอีกที เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนทุกอย่าง ทางโรงแรมจะส่งอีเมลยืนยันการจองกลับมาให้เราใช้เป็นหลักฐาน

บทสรุป
หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่น อยากจะได้ที่พักถูกๆ แต่ถูกในที่นี้มันถูกในมาตราฐานแบบไหน? ถ้าเปรียบเทียบที่พักแบบ hostel หรือ capsule hotel โรงแรม Toyoko Inn อาจจะมีราคาสูงกว่า แต่ได้ความเป็นส่วนตัว เพราะที่พักเหล่านั้นคือต้องนอนรวม ห้องน้ำก็ใช้ร่วมกัน (ราคาของแต่ละสาขาจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับโลเคชั่น ช่วงเวลาที่เข้าพัก และประเภทของห้องพัก) ถ้าเปรียบเทียบกับอพาร์เม้นท์ที่เรามักจะจองกันใน Airbnb ถ้านอนกันหลายๆคนแล้วหารแชร์กัน อพาร์เม้นท์ถูกกว่าแน่นอน ได้พื้นที่กว้างกว่า (บางทีอาจได้บ้านทั้งหลัง) แต่ต้องแลกกับการที่ไม่มีอาหารเช้า ไม่มีคนมาทำความสะอาดห้องให้ทุกวัน แน่นอนความปลอดภัยน้อยกว่าโรงแรมแน่ๆ ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า ณ วันที่จอง ยังไม่รวมไปถึงความเสี่ยงในการโดน "เท" (จองไปแล้วโดนยกเลิกโดยเจ้าของห้องพัก) หรือ "รูปไม่ตรงปก" (รูปในเว็ปไซค์ถ่ายซะสวย ของจริงโทรมมาก) เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาควบคู่กับเรื่องของราคาด้วย

สำหรับผม ก็เคยพักมาแล้วทุกประเภท ส่วนตัวก็ยังชอบพักแบบ Budget Hotel มากกว่า และทุกครั้งที่จะจองที่พัก Toyoko Inn จะเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆเสมอ บทสรุปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่อยากจะใส่เข้ามาในบทความนี้ ส่วนใครอยากจะได้ที่พักแบบไหน เอาที่สบายใจ แต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียต่างกัน อยู่ที่คุณจะให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากันนะครับ

ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำโรงแรมโดนๆ: Urashima Hotel  โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกับสุดยอดออนเซน!! วันนี้มารีวิวโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีชื่อว่า Urashima Hotel ตั้งอยู่ในจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) เมืองคิอิคัทสึอูระ (Kiikatsuura) เมืองนี้เป็นแหล่งจับปลาทูน่าได้มากที่สุดของญี่ปุ่นด้วย โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่เกาะ ประมาณว่าเกาะทั้งเกาะเป็นของเค้า พื้นที่หลักๆแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกตั้งอยู่เชิงเขาด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ reception และห้องพักบางส่วน ส่วนพื้นที่ที่สองจะตั้งอยู่บนเขาซึ่งเป็นส่วนของห้องพักในระดับราคาที่แพงขึ้นไป มีจุดชมวิว รวมไปถึงออนเซนในบรรยากาศสุดยอด ไฮไลท์ของโรงแรมคือบ่อออนเซนทั้ง 6 บ่อในบรรยากาศออนเซนที่อยู่ในถ้ำริมหน้าผาติดทะเล จะสวยงามอย่างไรตามมาชมเลยครับ เนื่องจากตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเกาะที่แยกตัวออกไป การเดินไปโรงแรมเราต้องนั่งเรือข้ามไป ซึ่งทางโรงแรมก็มีบริการเรือรับส่งให้กับนักท่องเที่ยวฟรี รอสักพักเรือของโรงแรมก็มา จากท่าเรือมองเห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ นั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง เข้ามาถึงโรงแรมก็จะเจอเคาน์เตอร์ Check in ก่อน หลั
ร้านอร่อย NAGOYA : พากิน ประชัดความอร่อย!! วันนี้จะพามากินเมนูเด่นเมนูดังในเมืองนาโกย่า ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ ร้านแรกที่จะพาไปกินคือร้านข้าวหน้าหมูทอด yabaton เมนูเหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ความพิเศษของข้าวหน้าหมูทอดร้านนี้คือเจ้าตัวซอสมิโซะที่ใช้ราดบนหมูทอด แตกต่างจากร้านทงคัตสึทั่วไปที่จะกินกับซอสวูสเตอร์(ซอสรสเปรี้ยวอมหวาน) ซึ่งเจ้าซอสมิโซะก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองนาโงย่านี่แหละ อีกเมนูนึงที่จะพาไปกินคือข้าวหน้าปลาไหล Horaiken ร้านนี้เป็นต้นกำเนิดเมนูข้าวหน้าปลาไหลเลยนะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น สำหรับผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย วันนี้พาไปกินร้านดังทั้งสองร้านของเมืองนาโงย่า ส่วนร้านไหนอร่อยกว่ากันให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินเองนะครับ^^ YABATON  ข้าวหน้าหมูทอด เริ่มที่ข้าวหน้าหมูทอด Yabaton ก่อน ร้านนี้จริงๆมีสาขาอยู่ทั่วเมืองนาโงย่า ประมาณว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ แต่เราจะพามาที่สาขาตรงสถานีรถไฟ JR Nagoya หาง่ายหน่อย พอมาถึงสถานีรถไฟ JR Nagoya แล้วให้เดินออกทางด้านหลัง ตรงทางออก Taiko-do
แนะนำโรงแรมโดนๆ: SARUGAKYO โรงแรมเต้าหู้ ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ ที่เรียกว่าโรงแรมเต้าหู้เพราะมีโรงงานทำเต้าหู้เล็กๆอยู่ภายในโรงแรม ที่สำคัญเค้าสามารถนำเอาผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ที่ทำเองมารังสรรค์เป็นเมนูหลากหลายให้แขกที่มาพักในโรงแรมได้ทานกันทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็น ขอบอกเลยว่าอร่อยมาก ไม่คิดว่าเต้าหู้จะสามารถนำมาทำเป็นอาหารทั้งคาวหวานได้หลากหลายแบบนี้ ตามมาดูกันเลย Sarugakyo (อ่านว่า: ซารุกาเคียว) เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ(Gunma) ในเมืองมินาคามิ (Minakami) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติโจชินเอะสึโคเก็น ติดกับทะเลสาบอะคายะ อีกฟากของโรงแรมจะเป็นเทือกเขาทานิกาว่า มีทัศนียภาพสวยงามตลอดทั้งปี บริเวณล๊อปบี้ของโรงแรมสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบอะคายะได้อย่างชัดเจน โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมด 52 ห้อง มีตั้งแต่ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น และห้องพักที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นผสมตะวันตก มาดูโรงงานเต้าหู้ภายในโรงแรมกันบ้าง โรงงานจะเป็นอาคารชั้นเดียวแยกออกมาต่างหากจากอาคารที่พัก ตั้งอยู่ชั้นล่
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Shizuoka พอพูดถึงการมาเที่ยวชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนจะนึกถึงเมือง Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi จริงๆแล้วภูเขาไฟฟูจิมีพื้นที่ติดกับสองจังหวัดในญี่ปุ่น อีกจังหวัดที่กล่าวถึงคือจังหวัด Shizuoka ซึ่งจะมีทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามแตกต่างกันออกไป การมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดชิซูโอกะ เราจะได้พบกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิกับไร่ชาเขียวซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ รายละเอียดโปรแกรมการเที่ยว เริ่มจากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shizuoka Sta. ต่อรถบัสมาเที่ยวแถบ Nihondaira แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิว (1)Nihondaira Hill สัมผัสกรรมวิธีการเก็บใบชาที่ (2)Nihondaira Tea Hall ถ่ายรูปไร่ชาโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ตลอดจนแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ที่ร้านขายชาในสวน จากนั้นเดินกลับมาขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขา Mt.Kuno ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า (3)Kunosan Toshogu ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนั่งกระเช้ากลับลงมาต่อรถบัสกลับเข้าไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นช็อปปิ้งที่ถนน (4)Gofukucho Dori แวะทานทาร์ตผลไม้ร้านดัง (5)Qu'il Fait Bon
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!! จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji
เลิกงงซะที ในสถานีรถไฟญี่ปุ่น!! หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก เพราะมันสะดวกและไปได้ทั่วถึงทุกที่ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่คงจะงงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่น ไม่ใช่เฉพาะแค่มือใหม่หัดเที่ยว ขนาดมือเก่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้วบางคนยังมีอาการมึนงง นั้นเป็นเพราะมันมีรถไฟหลายประเภทหลายสายมากๆ แค่ยืนดูแผนผังรถไฟก็งงแล้ว วันนี้เรามาบอกวิธีการสังเกตง่ายๆในการทำความเข้าใจระบบรถไฟของญี่ปุ่น เพื่อจะขึ้นรถไฟแล้วไม่งงไม่หลงอีกต่อไป ทำความรู้จักกับประเภทของรถไฟต่างๆในญี่ปุ่นกันก่อน ถ้าจะให้แบ่งประเภทรถไฟในญี่ปุ่นก็อาจจะแบ่งได้หลักๆเป็น 3 ประเภท 1. รถไฟ JR 2. รถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) 3. รถไฟใต้ดิน(Subway) ที่ต้องการแบ่งให้เห็นชัดเจนอย่างนี้เพราะรถไฟแต่ละประเภทจะมีชานชาลา(Track)และมีรางวิ่งเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถ้าคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) คุณก็ต้องเดินไปขึ้นที่ชานชาลาเฉพาะของรถไฟ Shinkansen นั้นเอง เรามาลองทำความรู้จักรถไฟแต่ละประเภทให้มากขึ้น รถไฟ JR เป็นเครือข่ายรถไฟที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งวิ่งในตัวเมืองและวิ่งข้าม
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Kanagawa: เที่ยว 2 สถานศักดิ์สิทธิแห่งเมืองคามาคุระ  ตามหาเทพมังกรบนเกาะเอ็นโนชิมะ   โปรแกรมนี้ค่อนข้างแน่นถ้าจะเก็บให้ครบต้องออกแต่เช้า จบทริปก็สักประมาณหัวค่ำ ทริปนี้เริ่มจากเดินทางถึงสถานีรถไฟ  Hase Sta. เดินไปขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่วัด (1) Hasedera Temple หลังจากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาพระใหญ่ไดบุสึที่วัด (2) Kotoku-in Temple จากนั้นเดินทางต่อไปที่เกาะ (3) Enoshima Island ใช้เวลาเที่ยวบนเกาะประมาณ 3 -4 ชั่วโมง เหตุผลที่ให้เที่ยวเกาะ Enoshima เป็นที่สุดท้ายเพราะในเวลาตอนเย็นช่วงพลบค่ำบนเกาะจะเปิดไฟสวยงาม จะได้ชมบรรยากาศไปอีกแบบนึง จบทริปก็เดินทางกลับ Tokyo ENOSHIMA KAMAKURA FREE PASS การเดินทางในทริปนี้แนะนำให้ซื้อ Enoshima Kamakura Freepass 1 day เป็นพาสใช้เดินทางไปตามเมืองต่างๆ ในจังหวัด Kanagawa ภายใน 1 วัน ราคา 1,470 เยน ซึ่งจะประหยัดกว่าแยกจ่ายค่ารถไฟเป็นเที่ยวๆ (ในกรณีที่มี JR Pass ไม่ต้องซื้อพาสนี้ก็ได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่ารถไฟบางขบวนอยู่ดี) ส่วนสถานที่จำหน่ายตั๋วก็สามารถซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราได้เลย หรือจะซื้อจากตู้จำหน่ายตั๋วในสถ
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ HANKYU HIGHWAY BUS เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway) รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง -สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Chiba เสน่ห์ 2 เมืองเก่าในจังหวัดชิบะ ตามรอยละครดัง ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้เดินเล่นชมเมืองสบายๆในเขตเมืองเก่าทั้ง 2 เมืองในจังหวะดชิบะซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนที่พาดหัวไว้ว่า "ตามรอยละครดัง" เพราะว่ามีหนังญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้โลเคชั่นของวัดนาริตะซันกับเมื่องโบราณซาวาระเป็นที่ถ่ายทำด้วย การเดินทางสู่เมืองนาริตะเริ่มจากสถานีรถไฟ Tokyo Sta. นั่งรถไฟสาย JR Sobu Line Rapid Service ถึงสถานี Narita Sta. ใช้เวลาเดินทาง 73 นาที (จริงๆมีขบวนอื่นสามารถเดินทางมาถึงได้เหมือนกัน แต่ขบวนนี้ง่ายที่สุดแล้ว) รถไฟจะแวะจอดที่สถานี Chiba Sta. ไม่ต้องลง นั่งต่อไปเลยจนถึงสถานี Narita Sta. รถไฟขบวนนี้จะมีทุกๆชั่วโมง ถึงเมืองนาริตะ เที่ยววัดดังประจำจังหวัด Naritasan Shinshoji ตลอดเส้นทางสู่วัดนาริตะซังจะผ่านถนนสายการค้า Omotesando ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง และร้านอาหารยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะพบ
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Saitama ย้อนวัยเด็กที่ตรอกลูกกวาด ตามหาเครื่องรางที่ศาลเจ้าแห่งความรัก ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่นมาก เที่ยวสบายๆ เพราะเที่ยวอยู่แค่ในเมือง Kawagoe ที่เดียว แต่ในเมืองมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะให้เราเที่ยวกันได้ทั้งวัน วิธีการเที่ยวในเมืองที่ดีที่สุดคือการเดินเที่ยวรอบเมืองจนไปสุดที่ศาลเจ้า Hikawa Shrine แล้วนั่งรถเมล์กลับมาที่สถานีรถไฟ เริ่มจากหน้าสถานีรถไฟ Kawagoe Sta. เดินไปเขตเมืองเก่า Kurazukuri จะผ่าน (1)ถนนชอปปิ้ง Crea Mall  ลักษณะจะคล้ายๆกับถนน Takeshita dori ในฮาราจูกุ จากนั้นเดินต่อไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิที่ (2)วัด Kitain  วัดสำคัญประจำเมือง ชมพระพุทธรูปหินกว่า 540 องค์ที่มีชื่อเสียงของวัด  แวะรับประทานข้าวหน้าปลาไหลที่ร้านดัง (3)ร้าน Ichinoya  หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เดินต่อมาอีกสักพักจะเข้าสู่ (4)เขตเมืองเก่า Kurazukuri  แวะถ่ายรูปกับ (5)หอระฆัง Toki no kane  เป็นที่ระลึกซึ่งเป็น Landmark สำคัญในเขตเมืองเก่าแห่งนี้ เดินต่อไปอีกนิดจะไปถึง (6)Candy Alley หรือตรอกลูกกวาด ก่อนจะไปขอพรเรื่องความรักกันที่ (7)ศาลเจ้า Hikawa Shrine  จบโปรแก