ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Chiba
เสน่ห์ 2 เมืองเก่าในจังหวัดชิบะ ตามรอยละครดัง

ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้เดินเล่นชมเมืองสบายๆในเขตเมืองเก่าทั้ง 2 เมืองในจังหวะดชิบะซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนที่พาดหัวไว้ว่า "ตามรอยละครดัง" เพราะว่ามีหนังญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้โลเคชั่นของวัดนาริตะซันกับเมื่องโบราณซาวาระเป็นที่ถ่ายทำด้วย

การเดินทางสู่เมืองนาริตะเริ่มจากสถานีรถไฟ Tokyo Sta. นั่งรถไฟสาย JR Sobu Line Rapid Service ถึงสถานี Narita Sta. ใช้เวลาเดินทาง 73 นาที (จริงๆมีขบวนอื่นสามารถเดินทางมาถึงได้เหมือนกัน แต่ขบวนนี้ง่ายที่สุดแล้ว) รถไฟจะแวะจอดที่สถานี Chiba Sta. ไม่ต้องลง นั่งต่อไปเลยจนถึงสถานี Narita Sta. รถไฟขบวนนี้จะมีทุกๆชั่วโมง

ถึงเมืองนาริตะ เที่ยววัดดังประจำจังหวัด Naritasan Shinshoji ตลอดเส้นทางสู่วัดนาริตะซังจะผ่านถนนสายการค้า Omotesando ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง และร้านอาหารยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะพบกับร้านข้าวหน้าปลาไหล Kawatoyo ร้านดังประจำจังหวัด แนะนำให้แวะชิมตอนเดินกลับหลังจากสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิที่วัดนาริตะซังแล้ว จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมือง Sawara ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เมืองซาวาระเป็นเมืองเก่าย่านการค้าสมัยเอโดะ ใช้เวลาเดินเล่นซึมซับบรรยากาศเมืองเก่าในหมู่บัานสัก 1 - 2 ชั่วโมง จบทริปเดินทางกลับใช้เวลาเดินทางกลับ 2 ชั่วโมงถึงโตเกียว

ถนนสายช็อปปิ้ง Omotesando
ถนน Omotesando เป็นถนนทางเดินจากบริเวณหน้าสถานีรถไฟ Narita Sta. ยาวไปจนไปถึงวัด Naritasan เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ยังมีกลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่าให้เราได้เห็นอยู่ ตลอดทางเดิน 1 กิโลเมตรมีร้านค้าขายขนม ของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง ตลอดจนร้านขายอาหารให้เราได้แวะชิมแวะชม เรียกได้ว่าเพลินเลยแหละ


ร้านข้าวหน้าปลาไหล Kawatoyo
ข้าวหน้าปลาไหลถือเป็นของดีประจำจังหวัดชิบะ และร้านข้าวหน้าปลาไหลที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นร้านคาวาโตโยะแห่งนี้ ร้านนี้หาไม่ยากเพราะเป็นทางบังคับเจอระหว่างทางเดินไปวัดนาริตะซัง และที่สำคัญกลิ่นหอมจากปลาย่างมันลอยมาเตะจมูกเราก่อนจะถึงร้านเสียด้วยซ้ำ บริเวณหน้าร้านจะเห็นพนักงานในร้านนั่งแล่ปลากันสดๆ จิ้มซอสโชยุย่างกันให้เห็นๆ ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณใกล้เคียง บรรยากาศหน้าร้านอาจจะดูโหดร้ายไปสักนิดที่เห็นพนักงานนั่งชำแหละปลากันสดๆ แต่รสชาติขอบอกเลยว่า "สุโค้ย"



วิธีการเดินทางไปถนนสายช็อปปิ้ง Omotesando และร้านข้าวหน้าปลาไหล Kawatoyo คลิกที่นี่

วัด Naritasan Shinshoji
วัดนาริตะซังเป็นวัดพุทธที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี เป็น 1 ใน 3 สถานที่ศักดิ์สิทธิที่มีคนเข้ามาสักการะบูชามากที่สุด (อีก 2 ที่คือวัดอาซากุสะ และศาลเจ้าเมจิ) เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดนาริตะซังแห่งนี้คือที่ประตูชั้นในที่มีชื่อเรียกว่า Niomon Gate จะมีโคมแดงอันใหญ่แขวนอยู่ลักษณะคล้ายกับโคมของวัดอาซากุซะ โคมแดงนี้มีน้ำหนักถึง 800 กิโลกรัมเลยทีเดียว


วัดแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โต บรรยากาศหน้าวัดดูขลัง เคร่งขรึม เก่าแก่ แต่ภายในบริเวณวัดกลับดูร่มรื่นย์ ประกอบไปด้วยอาคารหลายหลัง และสมบัติล้ำค่าทางวัฒนธรรมมากมาย ถ้าจะเดินให้ทั่วบริเวณวัดจริงๆ อาจจะต้องใช้เวลาถึงเกือบ 2ชั่วโมง ภายในบริเวณวัดจะมีสวน Naritasan Park กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ช่วงฤดูซากุระหรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณนี้จะเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก บริเวณใกล้เคียงมีเจดีย์สูง 5 ชั้น มีชิ่อว่า The Great Peace Pagoda ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระรูปมากมาย




ระหว่างเดินเล่นในวัดเห็นมีลุงคนหนึ่งมาตั้งโต๊ะขายเครื่องราง เป็นรูปฆ้องสีทองดูเก๋ดี ภายในฆ้องจะบรรจุเครื่องรางชิ้นเล็กชิ้นน้อยตามราศีเกิดของเรา ลองหาเช่ากันดูนะ

วิธีการเดินทางไปวัด Naritasan คลิกที่นี่

เมืองโบราณ Sawara
เมืองโบราณซาวาระเป็นเมืองท่าศูนย์กลางลำเลียงจัดส่งสินค้าไปยังเมืองหลวงเอโดะในสมัยโบราณ มีลำคลองพาดผ่านกลางเมือง ตลอดสองข้างทางเป็นอาคารบ้านเรือนเก่าได้รับการอนุรักษ์และบูรณะไว้เป็นอย่างดี เชื่อมต่อสองฝั่งคลองด้วยสะพานไม้ เมืองซาวาระแห่งนี้อาจจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก บรรยากาศภายในเมืองจึงค่อนข้างเงียบสงบ ไม่เหมือนเมืองเก่าในแถบอื่นๆที่มักจะมีนักท่องเที่ยวเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมด การเดินเล่นในเมืองซาวาระแห่งนี้ทำให้เราสามารถซึมซับบรรยากาศเมืองเก่าสมัยเอโดะได้เป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้เองเมืองซาราวะจึงมักถูกเลือกเป็นโลเคชั่นถ่ายหนังและละครหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้สถานที่แห่งนี้ถ่ายทำด้วย เมืองเก่าแห่งนี้มีบริเวณไม่ใหญ่มากนัก ใช้เวลาสัก 1-2 ชั่วโมงก็เดินทั่วหมดแล้ว


กิจกรรมอย่างหนึ่งสำหรับผู้มาเยือนซาวาระ คือการเช่าจักรยานขี่เล่นชมบรรยากาศในเมือง สามารถเช่าจักรยานได้จากจุดประชาสัมพันธ์ตรงหัวมุมสี่แยกหน้าสถานีรถไฟ Sawara Sta. และอีกกิจกรรมหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนซาวาระคือการล่องเรือชมบรรยากาศสองฝั่งคลองก็ฟินไปอีกแบบ

ทางเดินภายในหมู่บ้านทั้งสองฝั่งเชื่อมต่อด้วยสะพานข้ามคลองหลายแห่ง สะพานที่น่าสนใจที่สุดคือ Ja Ja Bridge ทุกๆครึ่งชั่วโมงมีน้ำไหลออกมาทั้งสองข้างคล้ายน้ำตก ในอดีตสะพานน้ำแห่งนี้ถูกใช้เป็นท่อส่งน้ำผ่านลำคลองไปยังพื้นที่ด้านล่างที่เป็นพื้นที่เพาะปลูก ปัจจุบันก็คือสถานีรถไฟ Sawara Sta. ส่วนที่มาของชื่อสะพาน Ja Ja Bridge ได้ชื่อมาจากเสียงดังของน้ำที่ไหลออกมาจากตัวสะพาน


วิธีการเดินทางไปเมืองโบราณ Sawara คลิกที่นี่

เสร็จจากเมือง Sawara แล้ว ก็เดินกลับไปที่สถานีรถไฟ Sawara Sta. นั่งรถไฟสาย JR Narita Line for Chiba ไปลงที่ Chiba Sta. เพื่อเปลี่ยนขบวน JR Sobu Line Rapid Service ไปลงที่ Tokyo Sta. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ 

จบทริป 1 วันในจังหวัดชิบะ ขอให้สนุกกับการเดินทางนะครับ

ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ


ความคิดเห็น

  1. ละเอียดดีมากครับ เดินตามรูปไม่หลงแน่ น่าจะบอกว่าออกจากสถานีทางทิศไหนด้วยนะครับ ที่สถานี JR Narita ถ้าออกประตูทิศตรงกันข้าม มีสิทธิ์ไปถึง Oeon Mall(สนุกไปอีกแบบ)ซึ่งมี Book-off Super Bazaar มาคอยดูดเงินด้วย, มีร้านขายวัสดุ-อุปกรณ์การเกษตรสารพัด(ยกเว้นรถไถนา) เมล็ดพันธุ์พืชผัก ดอกไม้ มากมาย(แต่ไม่มีเมล็ดเมลอนขาย ผมตามหาอยู่)
    ถ้าพักแถว Ueno หรือ Nippori ใช้บริการของ Keisei main line จะสะดวกกว่า(และถูกกว่า) สถานี Keisei Narita อยู่ไม่ไกลจากสถานี JR (แผนที่ดาวเทียมในเรื่องมีให้เห็นอยู่ครับ)
    ถ้า flight ไปถึง Narita เช้า อาจวางแผนเที่ยวตามในเรื่องได้ตั้งแต่เช้า ประหยัดค่าเดินทางจากในเมืองมาที่เมืองนาริตะ, โดยส่งกระเป๋าไปโรงแรมด้วยบริการแมวดำที่สนามบิน(โรงแรมเปิดให้เช็คอินบ่าย 3 โน่น ถ้าเราเอากระเป๋าไปฝากโรงแรม เราก็ต้องออกมาเที่ยวอยู่ดี) แล้วนั่งรถไฟฟ้า Keisei เข้าเมือง แต่ลงแค่เมืองนาริตะ แป๊บเดียวเท่านั้น หรือนั่งรถ loop bus หน้าสนามบินราคาน่าจะอยู่ในช่วง 200 นิดๆ ถาม information สนามบิน ซึ่งอยู่ตรงทางออกไปขึ้นรถพอดี(อยู่ตรงรอยต่อระหว่าง North Wing กับ South Wing) ว่ารถบัสไปนาริตะขึ้นที่ป้ายไหน ถามภาษาไทยก็ได้(แต่เขาไม่รู้เรื่องหรอกครับ)

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำโรงแรมโดนๆ: Urashima Hotel  โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกับสุดยอดออนเซน!! วันนี้มารีวิวโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีชื่อว่า Urashima Hotel ตั้งอยู่ในจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) เมืองคิอิคัทสึอูระ (Kiikatsuura) เมืองนี้เป็นแหล่งจับปลาทูน่าได้มากที่สุดของญี่ปุ่นด้วย โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่เกาะ ประมาณว่าเกาะทั้งเกาะเป็นของเค้า พื้นที่หลักๆแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกตั้งอยู่เชิงเขาด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ reception และห้องพักบางส่วน ส่วนพื้นที่ที่สองจะตั้งอยู่บนเขาซึ่งเป็นส่วนของห้องพักในระดับราคาที่แพงขึ้นไป มีจุดชมวิว รวมไปถึงออนเซนในบรรยากาศสุดยอด ไฮไลท์ของโรงแรมคือบ่อออนเซนทั้ง 6 บ่อในบรรยากาศออนเซนที่อยู่ในถ้ำริมหน้าผาติดทะเล จะสวยงามอย่างไรตามมาชมเลยครับ เนื่องจากตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเกาะที่แยกตัวออกไป การเดินไปโรงแรมเราต้องนั่งเรือข้ามไป ซึ่งทางโรงแรมก็มีบริการเรือรับส่งให้กับนักท่องเที่ยวฟรี รอสักพักเรือของโรงแรมก็มา จากท่าเรือมองเห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ นั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง เข้ามาถึงโรงแรมก็จะเจอเคาน์เตอร์ Check in ก่อน...
ร้านอร่อย NAGOYA : พากิน ประชัดความอร่อย!! วันนี้จะพามากินเมนูเด่นเมนูดังในเมืองนาโกย่า ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ ร้านแรกที่จะพาไปกินคือร้านข้าวหน้าหมูทอด yabaton เมนูเหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ความพิเศษของข้าวหน้าหมูทอดร้านนี้คือเจ้าตัวซอสมิโซะที่ใช้ราดบนหมูทอด แตกต่างจากร้านทงคัตสึทั่วไปที่จะกินกับซอสวูสเตอร์(ซอสรสเปรี้ยวอมหวาน) ซึ่งเจ้าซอสมิโซะก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองนาโงย่านี่แหละ อีกเมนูนึงที่จะพาไปกินคือข้าวหน้าปลาไหล Horaiken ร้านนี้เป็นต้นกำเนิดเมนูข้าวหน้าปลาไหลเลยนะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น สำหรับผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย วันนี้พาไปกินร้านดังทั้งสองร้านของเมืองนาโงย่า ส่วนร้านไหนอร่อยกว่ากันให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินเองนะครับ^^ YABATON  ข้าวหน้าหมูทอด เริ่มที่ข้าวหน้าหมูทอด Yabaton ก่อน ร้านนี้จริงๆมีสาขาอยู่ทั่วเมืองนาโงย่า ประมาณว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ แต่เราจะพามาที่สาขาตรงสถานีรถไฟ JR Nagoya หาง่ายหน่อย พอมาถึงสถานีรถไฟ JR Nagoya แล้วให้เดินออกทางด้านหลัง ตรงทางออก Taik...
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Shizuoka พอพูดถึงการมาเที่ยวชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนจะนึกถึงเมือง Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi จริงๆแล้วภูเขาไฟฟูจิมีพื้นที่ติดกับสองจังหวัดในญี่ปุ่น อีกจังหวัดที่กล่าวถึงคือจังหวัด Shizuoka ซึ่งจะมีทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามแตกต่างกันออกไป การมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดชิซูโอกะ เราจะได้พบกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิกับไร่ชาเขียวซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ รายละเอียดโปรแกรมการเที่ยว เริ่มจากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shizuoka Sta. ต่อรถบัสมาเที่ยวแถบ Nihondaira แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิว (1)Nihondaira Hill สัมผัสกรรมวิธีการเก็บใบชาที่ (2)Nihondaira Tea Hall ถ่ายรูปไร่ชาโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ตลอดจนแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ที่ร้านขายชาในสวน จากนั้นเดินกลับมาขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขา Mt.Kuno ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า (3)Kunosan Toshogu ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนั่งกระเช้ากลับลงมาต่อรถบัสกลับเข้าไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นช็อปปิ้งที่ถนน (4)Gofukucho Dori แวะทานทาร์ตผลไม้ร้านดัง (5)Qu'il Fait Bon ...
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!! จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji ...
ทริป 1 วันจาก Osaka สู่จังหวัด Mie จังหวัดมิเอะ(Mie)ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น เกาะไข่มุข(Mikimoto Pearl Island) หินแต่งงาน(Meoto Iwa) มีอาหารอร่อยที่มีชื่อเสียง เช่น กุ้งมังกรอิเสะ หอยนางรม (ที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น อย่างที่เคยเขียนไว้ในรีวิวก่อนหน้านี้  Maruzen Oyster Farm ) รวมไปถึงเนื้อมัตสึซากะหนึ่งในเนื้อวัวที่ดีที่สุดของโลกก็เป็นผลผลิตมาจากจังหวัดนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น ศาลเจ้าอิเสะ(Ise Grand Shrine) ถนนโบราณโอฮาไรมาชิ(Ohamarachi) และปราสาทอิงะ(Iga Castle) รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(Toba Aquarium) พิพิธภัณฑ์นินจา(Ninja Museum of Igaryu) และงานจัดแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่ Nabana No Sato Winter Illumination(อ่านรีวิวได้ที่นี่  Nabana No Sato Winter Illumination ) ที่กล่าวมาทั้งหมดคงใช้เวลาเที่ยวภายในวันเดียวไม่หมด ผมมีเวลาอยู่ในจังหวัดนี้แค่ 1 วันเลือกเที่ยวอยู่แค่ในเมืองอิเสะ(Ise)และเมืองโทบะ(Toba) ...
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ HANKYU HIGHWAY BUS เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway) รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง -สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไ...
เลิกงงซะที ในสถานีรถไฟญี่ปุ่น!! หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก เพราะมันสะดวกและไปได้ทั่วถึงทุกที่ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่คงจะงงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่น ไม่ใช่เฉพาะแค่มือใหม่หัดเที่ยว ขนาดมือเก่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้วบางคนยังมีอาการมึนงง นั้นเป็นเพราะมันมีรถไฟหลายประเภทหลายสายมากๆ แค่ยืนดูแผนผังรถไฟก็งงแล้ว วันนี้เรามาบอกวิธีการสังเกตง่ายๆในการทำความเข้าใจระบบรถไฟของญี่ปุ่น เพื่อจะขึ้นรถไฟแล้วไม่งงไม่หลงอีกต่อไป ทำความรู้จักกับประเภทของรถไฟต่างๆในญี่ปุ่นกันก่อน ถ้าจะให้แบ่งประเภทรถไฟในญี่ปุ่นก็อาจจะแบ่งได้หลักๆเป็น 3 ประเภท 1. รถไฟ JR 2. รถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) 3. รถไฟใต้ดิน(Subway) ที่ต้องการแบ่งให้เห็นชัดเจนอย่างนี้เพราะรถไฟแต่ละประเภทจะมีชานชาลา(Track)และมีรางวิ่งเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถ้าคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) คุณก็ต้องเดินไปขึ้นที่ชานชาลาเฉพาะของรถไฟ Shinkansen นั้นเอง เรามาลองทำความรู้จักรถไฟแต่ละประเภทให้มากขึ้น รถไฟ JR เป็นเครือข่ายรถไฟที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งวิ่งในตัวเมืองและวิ่งข้าม...
Ikaho Onsen "เมืองบันไดหิน กับ ออนเซ็นเทพเจ้า" Ikaho Onsen เป็นออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ(อีกแล้ว) ในจังหวัดกุนมะมีออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง เช่น Kusatsu Onsen, Takaragawa Onsen.  Ikaho Onsen ก็เป็นเมืองออนเซนอีกแห่งนึงที่อาจจะมีชื่อเสียงน้อยกว่าออนเซ็นทั้งสองแห่งที่กล่าวมา แต่เมืองนี้ก็มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย มีกลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่า และไฮไลท์ของ Ikaho Onsen ที่ไม่เหมือนใคร คือ ใจกลางเมืองเก่าจะมีบันไดหินเก่าแก่พาดผ่านชุมชนที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นระยะทางกว่า 300 เมตร ตามบันทึกในสมัยโบราณกว่า 400 ปีมาแล้ว เมืองแห่งนี้ถูกเรียกว่า "Ishidan gai" หรือ "เมืองเเห่งบันไดหิน" นั้นเอง การเดินทางมายังเมือง Ikaho Onsen ให้นั่งรถไฟมาลงสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Shibukawa ถ้ามาจากโตเกียวจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที จากนั้นนั่งรถบัสต่อมาอีก 30 นาที แต่ก่อนจะไป Ikaho Onsen เราขอพาไปกินอะไรอร่อยๆก่อน ร้านที่จะพาไปกินคือร้านขายทงคัตสึ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Maebashi ซึ่งเป็นเมืองทางผ่านไปยัง Ikaho Onsen ร้านที่ว่าชื่อร้าน Katsuhisa Muan ร้าน...
"รีวิว โรงแรม Toyoko Inn โรงแรมประหยัดที่มีเครือข่ายมากที่สุดในญี่ปุ่น" "ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วไม่เคยเห็น TOYOKO INN เหมือนมาไม่ถึง" คำพูดนี้คงไม่เกินจริง เพราะถ้าคุณลองสังเกตุดู ทุกครั้งที่คุณเดินออกจากสถานีรถไฟ ภายในรัศมี 1 กิโลเมตรคุณมักจะพบเห็นโรงแรม Toyoko Inn อยู่เสมอ Toyoko Inn เป็นโรงแรมทึ่มีสาขาเยอะที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันมีมากกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ แทบทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวจะต้องมีโรงแรม Toyoko Inn ตั้งอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟเสมอ ในเมืองใหญ่ๆ ในบางพื้นที่ที่กับใกล้สถานีรถไฟอาจจะมีสาขาของโรงแรม Toyoko Inn มากถึง 2-3 สาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกัน "นี่มันโรงแรมหรือ 7-11 กันแน่???" โรงแรม Toyoko Inn เป็น Budget Hotel ระดับสามดาว ไม่ได้หรูหรา มีขนาดไม่ใหญ่นัก ห้องพักสะอาด เดินทางสะดวกเพราะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ถึงแม้โรงแรมและห้องพักจะมีขนาดเล็กไปสักหน่อยแต่มีสาธารณูปโภคครบครัน รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นตามมาตราฐานของโรงแรมที่ดี(อาจจะแตกต่างกันบ้างในบ้างสาขา สามารถเช็กได้จาก website ของโรงแรมแต่ละสาขา)   ทุ...