ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo
ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen
ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ

HANKYU HIGHWAY BUS
เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway)



รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง
-สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไฟ Shin Osaka และ Senri New Town ก่อน ค่าโดยสาร 1,080 เยน
-สายสีเหลือง(Ltd.Express) ไม่แวะ จะวิ่งตรงเลย ค่าโดยสาร 1,370 เยน
-สายสีฟ้า(Airport) จะไปแวะที่สนามบินก่อน ค่าโดยสาร 850 เยน

จริงๆ ทั้ง 3 สายใช้เวลาเดินทางใกล้เคียงกัน แต่เราเลือกเอารอบเวลาที่เราสะดวก ออกเดินทาง 11:10 ไปถึงที่อาริมะออนเซน 12:05 แนะนำให้ซื้อตั๋วรถบัสออนไลน์ล่วงหน้าจาก website นี้: https://www.hankyubus.co.jp/en/

ARIMA ONSEN
อาริมะออนเซนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 300 เมตร  ตั้งอยู่อีกฟากนึงของเมืองโกเบโดยมีภูเขา Rokko คั่นกลางไว้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น อุดมไปด้วยแร่ธาตุถึง 7 ชนิดในบ่อเดียว แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่อาริมะออนเซนนี้ได้มาจากการขุดเจาะลึกลงไปในทะเลถึง 60 เมตร เป็นน้ำแร่ที่ได้มาจากน้ำทะเลซึ่งหาได้ยากมาก ต่างจากน้ำแร่ทั่วไปที่ได้มาจากแหล่งน้ำบาดาล สิ่งที่ทำให้ออนเซนของที่นี่แตกต่างไปจากที่อื่นคือ จะมีออนเซนให้แช่ถึง 3 บ่อ แบ่งเป็นออนเซนน้ำแร่สีทอง 1 บ่อ และออนเซนน้ำแร่สีเงินอีก 2 บ่อ

จุดท่องเที่ยวในเมืองจะแบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ เมื่อมาถึงอาริมะออนเซนแล้ว จากจุดจอดรถบัส ถ้าเดินไปทางขวาจะไปถึงสะพาน Nene Bashi Bridge และบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง ถ้าเดินไปทางซ้ายจะเป็นเขตเมืองเก่าและโรงอาบน้ำสาธารณะ Gin no yu และ Kin no yu


NENE BASHI BRIDGE
เราเดินมาทางขวาก่อน บริเวณนี้จะเป็นบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ ที่มีอยู่ด้วยกัน 3 บ่อ สามารถมานั่งแช่เท้าได้ บริเวณใกล้เคียงมีสะพานแดงที่มีชื่อเรียกว่า Nene Bashi Bridge ตรงหัวสะพานจะมีรูปปั้นของ Nene (หญิงสาวผู้มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวข้องกับเมืองนี้ และเป็นผู้ก่อตั้งวัด Koudaiji ในเมืองเกียวโต) เราสามารถชมวิวบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งในมุมสูงจากบนสะพานแห่งนี้




หลังจากนั้นเราเดินย้อนกลับไปทางจุดจอดรถบัส เพื่อจะเดินเลยขึ้นไปโรงอาบน้ำสาธารณะ Kin No Yu (ออนเซนบ่อทอง) ระหว่างทางเดินสองข้างทางจะมีร้านขายขนมของฝากของที่ระลึก เมืองนี้เค้ามีขนมขึ้นชื่อคือ ขนมเซมเบ้ คล้ายๆข้าวเกรียบแผ่นบางๆ ผลิตโดยใช้แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ มีหลายรสหลายสี กรอบๆบางๆ ละลายในปาก กินเพลินดีเหมือนกัน



เดินเลยจุดจอดรถบัสมานิดเดียว จะเห็นซอยเล็กทางซ้ายมือ หัวมุมเป็นร้านขายของที่ระลึก สังเกตง่ายๆร้านจะเป็นป้ายสีส้มๆ ให้เดินเลี้ยวเข้าซอยไป

ARIMA TOYS AND AUTOMATA MUSEUM
ก่อนจะไปออนเซนเราแวะเข้าพิพิธภัณฑ์ของเล่นกันก่อน ตั้งอยู่ใกล้กับออนเซนสีทอง (Gin No Yu) พิพิธภัณฑ์ของเล่นแห่งนี้มีทั้งหมด 6 ชั้น บริเวณชั้น 3-6 จัดแสดงจำพวกตุ๊กตาของเล่นไม้ ของเล่นที่ทำจากดีบุกกระป๋องสีสดใส ตุ๊กตาผ้า ตลอดจนกลไกต่างๆที่ทำให้ตุ๊กตาสามารถเคลื่อนไหวได้ ส่วนชั้น 2 จะเป็นโซนร้านอาหาร และชั้นล่างจะเป็นโซนขายของที่ระลึก ถ้าต้องการเข้าชมบริเวณชั้น 3-6 ต้องเสียค่าเข้าชม คนละ 500 เยน



KIN NO YU ออนเซนน้ำแร่สีทอง
เรามาแช่ออนเซนบ่อทองกันก่อน บริเวณด้านหน้าอาคารจะมีออนเซนให้แช่เท้าฟรี เดินเข้าไปข้างในก็จะเจอตู้จำหน่ายตั๋วสำหรับเข้าใช้บริการ ราคา 550 เยน แต่ถ้าใครต้องการจะใช้บริการทั้งบ่อเงินและบ่อทอง ก็สามารถซื้อตั๋วพร้อมกัน 2 ใบในราคา 850 เยน ส่วนผ้าเช็ดตัว ที่นี่เค้ามีขายในราคา 500 เยน ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาแบบเช้าไปเย็นกลับ ไม่ได้พักอยู่แถวนี้



KIN ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ทอง ซึ่งเป็นไปตามลักษณะสีของน้ำแร่บ่อนี้คือมีสีทองออกน้ำตาลแดงเหมือนสนิม น้ำแร่สีทองนี้มีแร่ธาตุเหล็กและเกลือผสมอยู่ โดยคุณสมบัติพิเศษของแร่ธาตุสองชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ บรรเทาอาการไขข้ออักเสบบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการภูมิแพ้ ผื่นคัน และรักษารอยแผลเป็นหรือรอยน้ำร้อนลวกได้ ต้องยอมรับว่าน้ำแร่บ่อทองนี้มีคุณภาพดีจริงๆ แช่ขึ้นมาแล้วรู้สึกเราว่าผิวลื่นๆ มีความชุ่มชื้น

เสร็จจากการแช่น้ำแร่บ่อทองแล้ว ก็เดินเล่นในเขตเมืองเก่าสักพัก ลักษณะจะเป็นซอยทางเดินแคบๆขึ้นเนินไป สองข้างทางมีร้านค้าขายขนมมากมาย แช่ออนเซนเสร็จออกมาก็หิวสิ เดินหาอะไรกินสักหน่อย


ละก้อมาเจอร้านนี้ หน้าตาดูแปลกๆ มันคือขนมเก๋าลัด ทำออกมาเป็นรูปเก๋าลัดยักษ์ ขายราคา 500 เยน ข้างในเป็นไส้เก๋าลัดบด มีเม็ดเก๋าลัดสอดไส้อยู่เม็ดนึง ก็อร่อยดี


เดินต่อมาเรื่อยๆ มาเจอร้านซาลาเปาจิ๋วไส้ถั่วแดง นึ่งร้อนๆอยู่ในซึ้งไม้ คนต่อแถวซื้อกันเยอะพอสมควร ก็อร่อยนะ มันไม่หวานจนเกินไป กินตอนร้อนๆอร่อยเลย



และที่ไม่ควรพลาดเลยคือ Arima Cider เป็นน้ำโซดาซึ่งผลิตจากน้ำแร่ธรรมชาติของเมืองนี้ รสชาติก็เหมือนน้ำอัดลมนี่แหละ แต่จะหวานน้อยกว่า ซ่าส์กว่าน้ำอัดลมเล็กน้อย หากินที่ไหนไม่มี มีขายที่เมืองนี้ที่เดียว

เดินลึกเข้ามาอีกจะมาเจอร้านนี้ ร้านนี้เค้าขายเครื่องดื่ม ขนมเค้ก แต่ที่น่าสนใจคือ ขนมเซมเบ้สอดไส้ไอศครีม มีหลายรสให้เลือก มีทั้งไอศครีมรสชาเขียว รสวานิลาอัลมอนด์ รสช็อคโกแลต


เดินเล่นกินไปหลายอย่างละ ได้เวลาเดินไปแช่ออนเซนอีกบ่อ ก็เดินย้อนกลับไปที่ออนเซนบ่อทอง (Kin No Yu) ข้างๆตึกจะมีซอยเล็กให้เดินเลี้ยวเข้าไป จะเจอบันได เดินขึ้นเนินตรงไปนิดเดียว จะมาถึงบริเวณลานหน้าวัด Onsenji



วัด ONSENJI
วัดออนเซนจิ เห็นชื่อแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าในวัดมีบ่อออนเซนให้แช่นะ อาจจะตั้งชื่อตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง เพราะเห็นมีเมืองออนเซนหลายเมืองก็จะมีวัดที่ใช้ชื่อ Onsenji เหมือนกัน ถือเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง เมื่อมาถึงแล้วก็ควรมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย


จากวัด Onsenji ให้เดินต่อไปตามถนนข้างๆวัด เดินเลาะเลี้ยวไปตามทางเรื่อยๆจะเจอโรงอาบน้ำ Gin No Yu อยู่ทางขวามือ

GIN NO YU ออนเซนน้ำแร่สีเงิน
มาถึงออนเซนน้ำแร่สีเงินกันบ้าง เรียกตามภาษาญี่ปุ่นว่า GIN แปลว่าเงิน น้ำแร่บ่อนี้จะมีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ไม่มีสี แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเรียกว่าน้ำแร่โซดา เนื่องจากมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ผสมอยู่มาก มีสรรพคุณช่วยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ รักษาอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

ประเภทที่สองเป็นบ่อน้ำแร่บ่อสีเงินที่มีเรเดียมอ่อนๆ ช่วยในการกระตุ้นเซลล์ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อยและความเหนื่อยล้า นอกจากนี้เพียงแค่สูดดมไอของน้ำแร่ในบ่อนี้เข้าไปก็สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับโรคหลอดลมได้

สำหรับค่าเข้าใช้บริการจะแพงกว่าของน้ำแร่บ่อทองนิดหน่อย ราคาอยู่ที่ 650 เยน แต่ถ้าซื้อตั๋วรวมทั้งบ่อทองและบ่อเงิน ราคาจะอยู่ 850 เยน


เสร็จจากการแช่บ่อออนเซนทั้งสองที่แล้ว สำหรับใครที่อยากกลับก่อนก็สามารถนั่งรถของ Hankyu Bus กลับโอซาก้าได้เลย เดินกลับไปขึ้นรถที่จุดเดิม ถ้าจะนั่งรถบัสกลับก็อย่าลืมจองตั๋วรถขากลับไว้ล่วงหน้าจากเว็ปไซค์ที่แจ้งไว้ข้างต้น

ส่วนใครที่อยากจะไปต่อ ตามมาครับ เราจะเดินไปนั่งกระเช้าขึ้นเขากัน ถ้าเริ่มจากบริเวณหน้าวัด Onsenji ก็ใช้เวลาเดินขึ้นเขาเพื่อไปนั่งกระเช้าประมาณ 20 นาที ค่อนข้างไกลพอสมควร ภายในเมืองไม่มีรถประจำทางวิ่งไปถึงสถานี Arima Ropeway ด้วย จำเป็นต้องเดินเท้าอย่างเดียว

สำหรับค่าโดยสาร เราจะซื้อแบบนั่งกระเช้าขึ้นเขา(Arima Ropeway)+นั่งรถบัสบนเขา (Rokko Sanjo Bus นั่งได้ไม่จำกัด)+นั่งรถราง(Rokko cable car) ลงจากเขาอีกฟากนึง ราคารวม 1,750 เยน



วิธีการเดินทางไป Arima Ropeway Station คลิ๊กที่นี่

สาเหตุที่ทำไมเราไม่นั่งกระเช้ากลับลงมาทางเดิมเพื่อไปขึ้นรถบัสกลับโอซาก้า เป็นเพราะว่ากระเช้าขากลับลงจากเขาเที่ยวสุดท้ายจะมีถึงแค่ประมาณ 17:30น. เวลามันไม่ทัน เราจึงต้องเลือกที่จะกลับลงไปอีกฟากนึงของเขาแล้วไปต่อรถบัสไปที่สถานีรถไฟเพื่อกลับโอซาก้า

จริงๆบนเขา Rokko มีจุดท่องเที่ยวอยู่หลายที่ บนเขามีรถบัสไว้ค่อยบริการวิ่งรอบเขาไปยังจุดต่างๆ แต่ถ้าจะเที่ยวทั้งเมืองอาริมะและที่เที่ยวทั้งหมดบนเขา Rokko วันเดียวคงเที่ยวไม่หมด เราเลยเลือกขึ้นมาเที่ยวเป็นบางจุดที่ใกล้กับสถานี Ropeway ทางฝั่งเมืองอาริมะ

ROKKO GARDEN TERRACE
จากสถานี Ropeway มาไม่ไกลก็จะมาถึง โซนร้านค้าขายของที่ระลึก ด้านนอกจะมีระเบียงสามารถเดินออกไปชมวิวได้ ใกล้กันมีร้านอาหาร Rokko View Palace ขายเป็นอาหารฝรั่งประเภท สเต็ก สตูว์ แฮมเบอร์เกอร์ บรรยายภายในดูกว้างขวาง ตกแต่งเรียบหรูสามารถมองเห็นวิวเมืองโกเบในแบบพาโนราม่าวิว ระหว่างรอให้ท้องฟ้ามืดลง เรามาฝากท้องกันที่นี่ก่อน



ใกล้กันจะเป็นพื้นที่ของ Rokko Garden Terrace บริเวณนี้ก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ รวมไปถึงลานระเบียงชมวิวซึ่งเป็นจุดชมวิวที่เราจะมาปักหลักดูวิวกลางคืนกัน ใกล้กันจะมีหอคอยสามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปจากมุมสูงได้ บ้านเรือนในแถบนี้จะถูกตกแต่งเป็นสไตค์ยุโรป เหมือนกับอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย



ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวท้องฟ้าก็จะมืดเร็วหน่อย สักประมาณห้าโมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว ทันทีที่ท้องฟ้ามืดลง สีสันยามค่ำคืนของเมืองโกเบก็เริ่มปรากฎ มันสวยงามสมกับที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ให้แปลเป็นไทยก็คงเรียกว่า "วิวหลักล้าน"

SHIDAIRE OBSERVATORY
ใกล้กับ Rokko Garden Terrace จะมีจุดชมวิวอีกจุดนึง ถูกสร้างให้เหมือนต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ พอฟ้าเริ่มมืดลงก็จะเปิดไฟสีสวยงาม จะเข้าไปข้างในจะต้องเสียค่าเข้า 300 เยน เมื่อเดินเข้ามาข้างในจะได้กลิ่นหอมของไม้ Hinoki โดยในช่วงฤดูร้อน ลมบนภูเขา Rokko จะถูกพัดผ่านกรอบเล็กๆภายนอกของหอชมสังเกตุการ์ณไปยังห้องน้ำแข็ง (ซึ่งเป็นที่ทำน้ำแข็งจากธรรมชาติและถูกเก็บไว้ในห้องนี้) ทำให้ภายในมีอากาศเย็นสบาย


ภายในจะมีลักษณะเป็นทางเดินวนขึ้นไปจนถึงด้านบน ในฤดูหนาวเกร็ดน้ำแข็งจะมาเกาะกรอบเล็กๆภายนอกหอสังเกตุการ์ณ ทำให้ดูเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีหิมะปกคลุม ถือเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆอีกมุมนึง



เสร็จจากหอสังเกตุการ์ณ ก็เดินกลับมาขึ้นรถบัส Rokko Sanjo Bus ที่ป้ายหมายเลข R07 บริเวณหน้า Rokko Garden Terrace เราจะนั่งไปลงที่ป้าย R01(Rokko Cable Sanjo Sta.) เวลามาถึง Rokko Garden Terrace แนะนำให้สังเกตเวลารถบัสจากป้ายรถบัสไว้ก่อน จะได้บริหารเวลาได้


ชั้นบนของสถานี Rokko Cable Sanjo Sta. จะมี Tenran Cafe เป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม และเป็นจุดชอบวิวที่สำคัญอีกจุดนึงที่อยู่อีกฟากบนเขา Rokko


Cable Car จะมีรอบทุกๆชั่วโมง จากตรงนี้นั่งลงเขาไปจะเห็นวิวกลางคืนที่อ่าวโกเบด้วย พอลงมาถึงด้านล่างจะมีป้ายรถบัสหน้าสถานี Rokko Cable Shita Sta. ให้นั่งรถบัสหมายเลข 16 หรือ 26 ไปยังสถานีรถไฟ



สามารถเลือกนั่งรถไฟได้ 2 สายกลับไปโอซาก้า ถ้าจะนั่งรถไฟสายเอกชนของ Hankyu Line ก็นั่งรถบัสไปลงที่สถานีรถไฟ Rokko(Hankyu Railway) Sta. จะถึงก่อนสถานีรถไฟของ JR แล้วนั่งรถไฟสาย Hankyu Kobe Line Local ไปลงที่สถานี Umeda(Hankyu) Sta. สถานีเดียวกันกับที่เราขึ้นรถบัสมา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 36 นาที


ส่วนใครที่มี JR Pass สามารถนั่งรถบัสมาลงที่สถานี Rokkomichi(ป้ายถัดจากสถานีรถไฟ Rokko (Hankyu Railway)) เพื่อมาขึ้นรถไฟขบวน JR Kobe Line Local ไปลงที่สถานี Osaka Sta. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 31 นาที

จบทริปหนี่งวันแล้ว หวังว่าคงจะสนุกกับการท่องเที่ยวนะครับ ขอบคุณครับ

ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำโรงแรมโดนๆ: Urashima Hotel  โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกับสุดยอดออนเซน!! วันนี้มารีวิวโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีชื่อว่า Urashima Hotel ตั้งอยู่ในจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) เมืองคิอิคัทสึอูระ (Kiikatsuura) เมืองนี้เป็นแหล่งจับปลาทูน่าได้มากที่สุดของญี่ปุ่นด้วย โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่เกาะ ประมาณว่าเกาะทั้งเกาะเป็นของเค้า พื้นที่หลักๆแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกตั้งอยู่เชิงเขาด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ reception และห้องพักบางส่วน ส่วนพื้นที่ที่สองจะตั้งอยู่บนเขาซึ่งเป็นส่วนของห้องพักในระดับราคาที่แพงขึ้นไป มีจุดชมวิว รวมไปถึงออนเซนในบรรยากาศสุดยอด ไฮไลท์ของโรงแรมคือบ่อออนเซนทั้ง 6 บ่อในบรรยากาศออนเซนที่อยู่ในถ้ำริมหน้าผาติดทะเล จะสวยงามอย่างไรตามมาชมเลยครับ เนื่องจากตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเกาะที่แยกตัวออกไป การเดินไปโรงแรมเราต้องนั่งเรือข้ามไป ซึ่งทางโรงแรมก็มีบริการเรือรับส่งให้กับนักท่องเที่ยวฟรี รอสักพักเรือของโรงแรมก็มา จากท่าเรือมองเห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ นั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง เข้ามาถึงโรงแรมก็จะเจอเคาน์เตอร์ Check in ก่อน...
ร้านอร่อย NAGOYA : พากิน ประชัดความอร่อย!! วันนี้จะพามากินเมนูเด่นเมนูดังในเมืองนาโกย่า ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ ร้านแรกที่จะพาไปกินคือร้านข้าวหน้าหมูทอด yabaton เมนูเหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ความพิเศษของข้าวหน้าหมูทอดร้านนี้คือเจ้าตัวซอสมิโซะที่ใช้ราดบนหมูทอด แตกต่างจากร้านทงคัตสึทั่วไปที่จะกินกับซอสวูสเตอร์(ซอสรสเปรี้ยวอมหวาน) ซึ่งเจ้าซอสมิโซะก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองนาโงย่านี่แหละ อีกเมนูนึงที่จะพาไปกินคือข้าวหน้าปลาไหล Horaiken ร้านนี้เป็นต้นกำเนิดเมนูข้าวหน้าปลาไหลเลยนะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น สำหรับผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย วันนี้พาไปกินร้านดังทั้งสองร้านของเมืองนาโงย่า ส่วนร้านไหนอร่อยกว่ากันให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินเองนะครับ^^ YABATON  ข้าวหน้าหมูทอด เริ่มที่ข้าวหน้าหมูทอด Yabaton ก่อน ร้านนี้จริงๆมีสาขาอยู่ทั่วเมืองนาโงย่า ประมาณว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ แต่เราจะพามาที่สาขาตรงสถานีรถไฟ JR Nagoya หาง่ายหน่อย พอมาถึงสถานีรถไฟ JR Nagoya แล้วให้เดินออกทางด้านหลัง ตรงทางออก Taik...
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Shizuoka พอพูดถึงการมาเที่ยวชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนจะนึกถึงเมือง Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi จริงๆแล้วภูเขาไฟฟูจิมีพื้นที่ติดกับสองจังหวัดในญี่ปุ่น อีกจังหวัดที่กล่าวถึงคือจังหวัด Shizuoka ซึ่งจะมีทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามแตกต่างกันออกไป การมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดชิซูโอกะ เราจะได้พบกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิกับไร่ชาเขียวซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ รายละเอียดโปรแกรมการเที่ยว เริ่มจากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shizuoka Sta. ต่อรถบัสมาเที่ยวแถบ Nihondaira แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิว (1)Nihondaira Hill สัมผัสกรรมวิธีการเก็บใบชาที่ (2)Nihondaira Tea Hall ถ่ายรูปไร่ชาโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ตลอดจนแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ที่ร้านขายชาในสวน จากนั้นเดินกลับมาขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขา Mt.Kuno ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า (3)Kunosan Toshogu ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนั่งกระเช้ากลับลงมาต่อรถบัสกลับเข้าไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นช็อปปิ้งที่ถนน (4)Gofukucho Dori แวะทานทาร์ตผลไม้ร้านดัง (5)Qu'il Fait Bon ...
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!! จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji ...
ทริป 1 วันจาก Osaka สู่จังหวัด Mie จังหวัดมิเอะ(Mie)ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น เกาะไข่มุข(Mikimoto Pearl Island) หินแต่งงาน(Meoto Iwa) มีอาหารอร่อยที่มีชื่อเสียง เช่น กุ้งมังกรอิเสะ หอยนางรม (ที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น อย่างที่เคยเขียนไว้ในรีวิวก่อนหน้านี้  Maruzen Oyster Farm ) รวมไปถึงเนื้อมัตสึซากะหนึ่งในเนื้อวัวที่ดีที่สุดของโลกก็เป็นผลผลิตมาจากจังหวัดนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น ศาลเจ้าอิเสะ(Ise Grand Shrine) ถนนโบราณโอฮาไรมาชิ(Ohamarachi) และปราสาทอิงะ(Iga Castle) รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(Toba Aquarium) พิพิธภัณฑ์นินจา(Ninja Museum of Igaryu) และงานจัดแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่ Nabana No Sato Winter Illumination(อ่านรีวิวได้ที่นี่  Nabana No Sato Winter Illumination ) ที่กล่าวมาทั้งหมดคงใช้เวลาเที่ยวภายในวันเดียวไม่หมด ผมมีเวลาอยู่ในจังหวัดนี้แค่ 1 วันเลือกเที่ยวอยู่แค่ในเมืองอิเสะ(Ise)และเมืองโทบะ(Toba) ...
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Chiba เสน่ห์ 2 เมืองเก่าในจังหวัดชิบะ ตามรอยละครดัง ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้เดินเล่นชมเมืองสบายๆในเขตเมืองเก่าทั้ง 2 เมืองในจังหวะดชิบะซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนที่พาดหัวไว้ว่า "ตามรอยละครดัง" เพราะว่ามีหนังญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้โลเคชั่นของวัดนาริตะซันกับเมื่องโบราณซาวาระเป็นที่ถ่ายทำด้วย การเดินทางสู่เมืองนาริตะเริ่มจากสถานีรถไฟ Tokyo Sta. นั่งรถไฟสาย JR Sobu Line Rapid Service ถึงสถานี Narita Sta. ใช้เวลาเดินทาง 73 นาที (จริงๆมีขบวนอื่นสามารถเดินทางมาถึงได้เหมือนกัน แต่ขบวนนี้ง่ายที่สุดแล้ว) รถไฟจะแวะจอดที่สถานี Chiba Sta. ไม่ต้องลง นั่งต่อไปเลยจนถึงสถานี Narita Sta. รถไฟขบวนนี้จะมีทุกๆชั่วโมง ถึงเมืองนาริตะ เที่ยววัดดังประจำจังหวัด Naritasan Shinshoji ตลอดเส้นทางสู่วัดนาริตะซังจะผ่านถนนสายการค้า Omotesando ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง และร้านอาหารยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะพบ...
เลิกงงซะที ในสถานีรถไฟญี่ปุ่น!! หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก เพราะมันสะดวกและไปได้ทั่วถึงทุกที่ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่คงจะงงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่น ไม่ใช่เฉพาะแค่มือใหม่หัดเที่ยว ขนาดมือเก่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้วบางคนยังมีอาการมึนงง นั้นเป็นเพราะมันมีรถไฟหลายประเภทหลายสายมากๆ แค่ยืนดูแผนผังรถไฟก็งงแล้ว วันนี้เรามาบอกวิธีการสังเกตง่ายๆในการทำความเข้าใจระบบรถไฟของญี่ปุ่น เพื่อจะขึ้นรถไฟแล้วไม่งงไม่หลงอีกต่อไป ทำความรู้จักกับประเภทของรถไฟต่างๆในญี่ปุ่นกันก่อน ถ้าจะให้แบ่งประเภทรถไฟในญี่ปุ่นก็อาจจะแบ่งได้หลักๆเป็น 3 ประเภท 1. รถไฟ JR 2. รถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) 3. รถไฟใต้ดิน(Subway) ที่ต้องการแบ่งให้เห็นชัดเจนอย่างนี้เพราะรถไฟแต่ละประเภทจะมีชานชาลา(Track)และมีรางวิ่งเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถ้าคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) คุณก็ต้องเดินไปขึ้นที่ชานชาลาเฉพาะของรถไฟ Shinkansen นั้นเอง เรามาลองทำความรู้จักรถไฟแต่ละประเภทให้มากขึ้น รถไฟ JR เป็นเครือข่ายรถไฟที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งวิ่งในตัวเมืองและวิ่งข้าม...
Ikaho Onsen "เมืองบันไดหิน กับ ออนเซ็นเทพเจ้า" Ikaho Onsen เป็นออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ(อีกแล้ว) ในจังหวัดกุนมะมีออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง เช่น Kusatsu Onsen, Takaragawa Onsen.  Ikaho Onsen ก็เป็นเมืองออนเซนอีกแห่งนึงที่อาจจะมีชื่อเสียงน้อยกว่าออนเซ็นทั้งสองแห่งที่กล่าวมา แต่เมืองนี้ก็มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย มีกลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่า และไฮไลท์ของ Ikaho Onsen ที่ไม่เหมือนใคร คือ ใจกลางเมืองเก่าจะมีบันไดหินเก่าแก่พาดผ่านชุมชนที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นระยะทางกว่า 300 เมตร ตามบันทึกในสมัยโบราณกว่า 400 ปีมาแล้ว เมืองแห่งนี้ถูกเรียกว่า "Ishidan gai" หรือ "เมืองเเห่งบันไดหิน" นั้นเอง การเดินทางมายังเมือง Ikaho Onsen ให้นั่งรถไฟมาลงสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Shibukawa ถ้ามาจากโตเกียวจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที จากนั้นนั่งรถบัสต่อมาอีก 30 นาที แต่ก่อนจะไป Ikaho Onsen เราขอพาไปกินอะไรอร่อยๆก่อน ร้านที่จะพาไปกินคือร้านขายทงคัตสึ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Maebashi ซึ่งเป็นเมืองทางผ่านไปยัง Ikaho Onsen ร้านที่ว่าชื่อร้าน Katsuhisa Muan ร้าน...
"รีวิว โรงแรม Toyoko Inn โรงแรมประหยัดที่มีเครือข่ายมากที่สุดในญี่ปุ่น" "ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วไม่เคยเห็น TOYOKO INN เหมือนมาไม่ถึง" คำพูดนี้คงไม่เกินจริง เพราะถ้าคุณลองสังเกตุดู ทุกครั้งที่คุณเดินออกจากสถานีรถไฟ ภายในรัศมี 1 กิโลเมตรคุณมักจะพบเห็นโรงแรม Toyoko Inn อยู่เสมอ Toyoko Inn เป็นโรงแรมทึ่มีสาขาเยอะที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันมีมากกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ แทบทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวจะต้องมีโรงแรม Toyoko Inn ตั้งอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟเสมอ ในเมืองใหญ่ๆ ในบางพื้นที่ที่กับใกล้สถานีรถไฟอาจจะมีสาขาของโรงแรม Toyoko Inn มากถึง 2-3 สาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกัน "นี่มันโรงแรมหรือ 7-11 กันแน่???" โรงแรม Toyoko Inn เป็น Budget Hotel ระดับสามดาว ไม่ได้หรูหรา มีขนาดไม่ใหญ่นัก ห้องพักสะอาด เดินทางสะดวกเพราะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ถึงแม้โรงแรมและห้องพักจะมีขนาดเล็กไปสักหน่อยแต่มีสาธารณูปโภคครบครัน รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นตามมาตราฐานของโรงแรมที่ดี(อาจจะแตกต่างกันบ้างในบ้างสาขา สามารถเช็กได้จาก website ของโรงแรมแต่ละสาขา)   ทุ...