ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo
ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen
ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ
HANKYU HIGHWAY BUS
เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway)
รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง
-สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไฟ Shin Osaka และ Senri New Town ก่อน ค่าโดยสาร 1,080 เยน
-สายสีเหลือง(Ltd.Express) ไม่แวะ จะวิ่งตรงเลย ค่าโดยสาร 1,370 เยน
-สายสีฟ้า(Airport) จะไปแวะที่สนามบินก่อน ค่าโดยสาร 850 เยน
จริงๆ ทั้ง 3 สายใช้เวลาเดินทางใกล้เคียงกัน แต่เราเลือกเอารอบเวลาที่เราสะดวก ออกเดินทาง 11:10 ไปถึงที่อาริมะออนเซน 12:05 แนะนำให้ซื้อตั๋วรถบัสออนไลน์ล่วงหน้าจาก website นี้: https://www.hankyubus.co.jp/en/
ARIMA ONSEN
อาริมะออนเซนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 300 เมตร ตั้งอยู่อีกฟากนึงของเมืองโกเบโดยมีภูเขา Rokko คั่นกลางไว้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น อุดมไปด้วยแร่ธาตุถึง 7 ชนิดในบ่อเดียว แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่อาริมะออนเซนนี้ได้มาจากการขุดเจาะลึกลงไปในทะเลถึง 60 เมตร เป็นน้ำแร่ที่ได้มาจากน้ำทะเลซึ่งหาได้ยากมาก ต่างจากน้ำแร่ทั่วไปที่ได้มาจากแหล่งน้ำบาดาล สิ่งที่ทำให้ออนเซนของที่นี่แตกต่างไปจากที่อื่นคือ จะมีออนเซนให้แช่ถึง 3 บ่อ แบ่งเป็นออนเซนน้ำแร่สีทอง 1 บ่อ และออนเซนน้ำแร่สีเงินอีก 2 บ่อ
จุดท่องเที่ยวในเมืองจะแบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ เมื่อมาถึงอาริมะออนเซนแล้ว จากจุดจอดรถบัส ถ้าเดินไปทางขวาจะไปถึงสะพาน Nene Bashi Bridge และบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง ถ้าเดินไปทางซ้ายจะเป็นเขตเมืองเก่าและโรงอาบน้ำสาธารณะ Gin no yu และ Kin no yu
NENE BASHI BRIDGE
เราเดินมาทางขวาก่อน บริเวณนี้จะเป็นบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ ที่มีอยู่ด้วยกัน 3 บ่อ สามารถมานั่งแช่เท้าได้ บริเวณใกล้เคียงมีสะพานแดงที่มีชื่อเรียกว่า Nene Bashi Bridge ตรงหัวสะพานจะมีรูปปั้นของ Nene (หญิงสาวผู้มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวข้องกับเมืองนี้ และเป็นผู้ก่อตั้งวัด Koudaiji ในเมืองเกียวโต) เราสามารถชมวิวบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งในมุมสูงจากบนสะพานแห่งนี้
หลังจากนั้นเราเดินย้อนกลับไปทางจุดจอดรถบัส เพื่อจะเดินเลยขึ้นไปโรงอาบน้ำสาธารณะ Kin No Yu (ออนเซนบ่อทอง) ระหว่างทางเดินสองข้างทางจะมีร้านขายขนมของฝากของที่ระลึก เมืองนี้เค้ามีขนมขึ้นชื่อคือ ขนมเซมเบ้ คล้ายๆข้าวเกรียบแผ่นบางๆ ผลิตโดยใช้แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ มีหลายรสหลายสี กรอบๆบางๆ ละลายในปาก กินเพลินดีเหมือนกัน
เดินเลยจุดจอดรถบัสมานิดเดียว จะเห็นซอยเล็กทางซ้ายมือ หัวมุมเป็นร้านขายของที่ระลึก สังเกตง่ายๆร้านจะเป็นป้ายสีส้มๆ ให้เดินเลี้ยวเข้าซอยไป
ARIMA TOYS AND AUTOMATA MUSEUM
ก่อนจะไปออนเซนเราแวะเข้าพิพิธภัณฑ์ของเล่นกันก่อน ตั้งอยู่ใกล้กับออนเซนสีทอง (Gin No Yu) พิพิธภัณฑ์ของเล่นแห่งนี้มีทั้งหมด 6 ชั้น บริเวณชั้น 3-6 จัดแสดงจำพวกตุ๊กตาของเล่นไม้ ของเล่นที่ทำจากดีบุกกระป๋องสีสดใส ตุ๊กตาผ้า ตลอดจนกลไกต่างๆที่ทำให้ตุ๊กตาสามารถเคลื่อนไหวได้ ส่วนชั้น 2 จะเป็นโซนร้านอาหาร และชั้นล่างจะเป็นโซนขายของที่ระลึก ถ้าต้องการเข้าชมบริเวณชั้น 3-6 ต้องเสียค่าเข้าชม คนละ 500 เยน
KIN NO YU ออนเซนน้ำแร่สีทอง
เรามาแช่ออนเซนบ่อทองกันก่อน บริเวณด้านหน้าอาคารจะมีออนเซนให้แช่เท้าฟรี เดินเข้าไปข้างในก็จะเจอตู้จำหน่ายตั๋วสำหรับเข้าใช้บริการ ราคา 550 เยน แต่ถ้าใครต้องการจะใช้บริการทั้งบ่อเงินและบ่อทอง ก็สามารถซื้อตั๋วพร้อมกัน 2 ใบในราคา 850 เยน ส่วนผ้าเช็ดตัว ที่นี่เค้ามีขายในราคา 500 เยน ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาแบบเช้าไปเย็นกลับ ไม่ได้พักอยู่แถวนี้
KIN ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ทอง ซึ่งเป็นไปตามลักษณะสีของน้ำแร่บ่อนี้คือมีสีทองออกน้ำตาลแดงเหมือนสนิม น้ำแร่สีทองนี้มีแร่ธาตุเหล็กและเกลือผสมอยู่ โดยคุณสมบัติพิเศษของแร่ธาตุสองชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ บรรเทาอาการไขข้ออักเสบบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการภูมิแพ้ ผื่นคัน และรักษารอยแผลเป็นหรือรอยน้ำร้อนลวกได้ ต้องยอมรับว่าน้ำแร่บ่อทองนี้มีคุณภาพดีจริงๆ แช่ขึ้นมาแล้วรู้สึกเราว่าผิวลื่นๆ มีความชุ่มชื้น
เสร็จจากการแช่น้ำแร่บ่อทองแล้ว ก็เดินเล่นในเขตเมืองเก่าสักพัก ลักษณะจะเป็นซอยทางเดินแคบๆขึ้นเนินไป สองข้างทางมีร้านค้าขายขนมมากมาย แช่ออนเซนเสร็จออกมาก็หิวสิ เดินหาอะไรกินสักหน่อย
ละก้อมาเจอร้านนี้ หน้าตาดูแปลกๆ มันคือขนมเก๋าลัด ทำออกมาเป็นรูปเก๋าลัดยักษ์ ขายราคา 500 เยน ข้างในเป็นไส้เก๋าลัดบด มีเม็ดเก๋าลัดสอดไส้อยู่เม็ดนึง ก็อร่อยดี
เดินต่อมาเรื่อยๆ มาเจอร้านซาลาเปาจิ๋วไส้ถั่วแดง นึ่งร้อนๆอยู่ในซึ้งไม้ คนต่อแถวซื้อกันเยอะพอสมควร ก็อร่อยนะ มันไม่หวานจนเกินไป กินตอนร้อนๆอร่อยเลย
และที่ไม่ควรพลาดเลยคือ Arima Cider เป็นน้ำโซดาซึ่งผลิตจากน้ำแร่ธรรมชาติของเมืองนี้ รสชาติก็เหมือนน้ำอัดลมนี่แหละ แต่จะหวานน้อยกว่า ซ่าส์กว่าน้ำอัดลมเล็กน้อย หากินที่ไหนไม่มี มีขายที่เมืองนี้ที่เดียว
เดินลึกเข้ามาอีกจะมาเจอร้านนี้ ร้านนี้เค้าขายเครื่องดื่ม ขนมเค้ก แต่ที่น่าสนใจคือ ขนมเซมเบ้สอดไส้ไอศครีม มีหลายรสให้เลือก มีทั้งไอศครีมรสชาเขียว รสวานิลาอัลมอนด์ รสช็อคโกแลต
เดินเล่นกินไปหลายอย่างละ ได้เวลาเดินไปแช่ออนเซนอีกบ่อ ก็เดินย้อนกลับไปที่ออนเซนบ่อทอง (Kin No Yu) ข้างๆตึกจะมีซอยเล็กให้เดินเลี้ยวเข้าไป จะเจอบันได เดินขึ้นเนินตรงไปนิดเดียว จะมาถึงบริเวณลานหน้าวัด Onsenji
วัด ONSENJI
วัดออนเซนจิ เห็นชื่อแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าในวัดมีบ่อออนเซนให้แช่นะ อาจจะตั้งชื่อตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง เพราะเห็นมีเมืองออนเซนหลายเมืองก็จะมีวัดที่ใช้ชื่อ Onsenji เหมือนกัน ถือเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง เมื่อมาถึงแล้วก็ควรมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย
จากวัด Onsenji ให้เดินต่อไปตามถนนข้างๆวัด เดินเลาะเลี้ยวไปตามทางเรื่อยๆจะเจอโรงอาบน้ำ Gin No Yu อยู่ทางขวามือ
GIN NO YU ออนเซนน้ำแร่สีเงิน
มาถึงออนเซนน้ำแร่สีเงินกันบ้าง เรียกตามภาษาญี่ปุ่นว่า GIN แปลว่าเงิน น้ำแร่บ่อนี้จะมีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ไม่มีสี แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเรียกว่าน้ำแร่โซดา เนื่องจากมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ผสมอยู่มาก มีสรรพคุณช่วยบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ รักษาอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
ประเภทที่สองเป็นบ่อน้ำแร่บ่อสีเงินที่มีเรเดียมอ่อนๆ ช่วยในการกระตุ้นเซลล์ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อยและความเหนื่อยล้า นอกจากนี้เพียงแค่สูดดมไอของน้ำแร่ในบ่อนี้เข้าไปก็สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับโรคหลอดลมได้
สำหรับค่าเข้าใช้บริการจะแพงกว่าของน้ำแร่บ่อทองนิดหน่อย ราคาอยู่ที่ 650 เยน แต่ถ้าซื้อตั๋วรวมทั้งบ่อทองและบ่อเงิน ราคาจะอยู่ 850 เยน
เสร็จจากการแช่บ่อออนเซนทั้งสองที่แล้ว สำหรับใครที่อยากกลับก่อนก็สามารถนั่งรถของ Hankyu Bus กลับโอซาก้าได้เลย เดินกลับไปขึ้นรถที่จุดเดิม ถ้าจะนั่งรถบัสกลับก็อย่าลืมจองตั๋วรถขากลับไว้ล่วงหน้าจากเว็ปไซค์ที่แจ้งไว้ข้างต้น
ส่วนใครที่อยากจะไปต่อ ตามมาครับ เราจะเดินไปนั่งกระเช้าขึ้นเขากัน ถ้าเริ่มจากบริเวณหน้าวัด Onsenji ก็ใช้เวลาเดินขึ้นเขาเพื่อไปนั่งกระเช้าประมาณ 20 นาที ค่อนข้างไกลพอสมควร ภายในเมืองไม่มีรถประจำทางวิ่งไปถึงสถานี Arima Ropeway ด้วย จำเป็นต้องเดินเท้าอย่างเดียว
สำหรับค่าโดยสาร เราจะซื้อแบบนั่งกระเช้าขึ้นเขา(Arima Ropeway)+นั่งรถบัสบนเขา (Rokko Sanjo Bus นั่งได้ไม่จำกัด)+นั่งรถราง(Rokko cable car) ลงจากเขาอีกฟากนึง ราคารวม 1,750 เยน
วิธีการเดินทางไป Arima Ropeway Station คลิ๊กที่นี่
สาเหตุที่ทำไมเราไม่นั่งกระเช้ากลับลงมาทางเดิมเพื่อไปขึ้นรถบัสกลับโอซาก้า เป็นเพราะว่ากระเช้าขากลับลงจากเขาเที่ยวสุดท้ายจะมีถึงแค่ประมาณ 17:30น. เวลามันไม่ทัน เราจึงต้องเลือกที่จะกลับลงไปอีกฟากนึงของเขาแล้วไปต่อรถบัสไปที่สถานีรถไฟเพื่อกลับโอซาก้า
ROKKO GARDEN TERRACE
จากสถานี Ropeway มาไม่ไกลก็จะมาถึง โซนร้านค้าขายของที่ระลึก ด้านนอกจะมีระเบียงสามารถเดินออกไปชมวิวได้ ใกล้กันมีร้านอาหาร Rokko View Palace ขายเป็นอาหารฝรั่งประเภท สเต็ก สตูว์ แฮมเบอร์เกอร์ บรรยายภายในดูกว้างขวาง ตกแต่งเรียบหรูสามารถมองเห็นวิวเมืองโกเบในแบบพาโนราม่าวิว ระหว่างรอให้ท้องฟ้ามืดลง เรามาฝากท้องกันที่นี่ก่อน
ใกล้กันจะเป็นพื้นที่ของ Rokko Garden Terrace บริเวณนี้ก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ รวมไปถึงลานระเบียงชมวิวซึ่งเป็นจุดชมวิวที่เราจะมาปักหลักดูวิวกลางคืนกัน ใกล้กันจะมีหอคอยสามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปจากมุมสูงได้ บ้านเรือนในแถบนี้จะถูกตกแต่งเป็นสไตค์ยุโรป เหมือนกับอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย
ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวท้องฟ้าก็จะมืดเร็วหน่อย สักประมาณห้าโมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว ทันทีที่ท้องฟ้ามืดลง สีสันยามค่ำคืนของเมืองโกเบก็เริ่มปรากฎ มันสวยงามสมกับที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ให้แปลเป็นไทยก็คงเรียกว่า "วิวหลักล้าน"
SHIDAIRE OBSERVATORY
ใกล้กับ Rokko Garden Terrace จะมีจุดชมวิวอีกจุดนึง ถูกสร้างให้เหมือนต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ พอฟ้าเริ่มมืดลงก็จะเปิดไฟสีสวยงาม จะเข้าไปข้างในจะต้องเสียค่าเข้า 300 เยน เมื่อเดินเข้ามาข้างในจะได้กลิ่นหอมของไม้ Hinoki โดยในช่วงฤดูร้อน ลมบนภูเขา Rokko จะถูกพัดผ่านกรอบเล็กๆภายนอกของหอชมสังเกตุการ์ณไปยังห้องน้ำแข็ง (ซึ่งเป็นที่ทำน้ำแข็งจากธรรมชาติและถูกเก็บไว้ในห้องนี้) ทำให้ภายในมีอากาศเย็นสบาย
ภายในจะมีลักษณะเป็นทางเดินวนขึ้นไปจนถึงด้านบน ในฤดูหนาวเกร็ดน้ำแข็งจะมาเกาะกรอบเล็กๆภายนอกหอสังเกตุการ์ณ ทำให้ดูเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีหิมะปกคลุม ถือเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆอีกมุมนึง
เสร็จจากหอสังเกตุการ์ณ ก็เดินกลับมาขึ้นรถบัส Rokko Sanjo Bus ที่ป้ายหมายเลข R07 บริเวณหน้า Rokko Garden Terrace เราจะนั่งไปลงที่ป้าย R01(Rokko Cable Sanjo Sta.) เวลามาถึง Rokko Garden Terrace แนะนำให้สังเกตเวลารถบัสจากป้ายรถบัสไว้ก่อน จะได้บริหารเวลาได้
ชั้นบนของสถานี Rokko Cable Sanjo Sta. จะมี Tenran Cafe เป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม และเป็นจุดชอบวิวที่สำคัญอีกจุดนึงที่อยู่อีกฟากบนเขา Rokko
Cable Car จะมีรอบทุกๆชั่วโมง จากตรงนี้นั่งลงเขาไปจะเห็นวิวกลางคืนที่อ่าวโกเบด้วย พอลงมาถึงด้านล่างจะมีป้ายรถบัสหน้าสถานี Rokko Cable Shita Sta. ให้นั่งรถบัสหมายเลข 16 หรือ 26 ไปยังสถานีรถไฟ
สามารถเลือกนั่งรถไฟได้ 2 สายกลับไปโอซาก้า ถ้าจะนั่งรถไฟสายเอกชนของ Hankyu Line ก็นั่งรถบัสไปลงที่สถานีรถไฟ Rokko(Hankyu Railway) Sta. จะถึงก่อนสถานีรถไฟของ JR แล้วนั่งรถไฟสาย Hankyu Kobe Line Local ไปลงที่สถานี Umeda(Hankyu) Sta. สถานีเดียวกันกับที่เราขึ้นรถบัสมา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 36 นาที
ส่วนใครที่มี JR Pass สามารถนั่งรถบัสมาลงที่สถานี Rokkomichi(ป้ายถัดจากสถานีรถไฟ Rokko (Hankyu Railway)) เพื่อมาขึ้นรถไฟขบวน JR Kobe Line Local ไปลงที่สถานี Osaka Sta. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 31 นาที
จบทริปหนี่งวันแล้ว หวังว่าคงจะสนุกกับการท่องเที่ยวนะครับ ขอบคุณครับ
ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น