ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama
ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!!
จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง
ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า
ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji Line Local มาลงที่สถานี Tennoji Sta. เพื่อมาเปลี่ยนขบวน Ltd. Exp Kuroshio ไปลงที่สถานี Wakayama Sta. ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้น 53 นาที
ไฮไลท์ของตลาดแห่งนี้อยู่ที่โซนบาบีคิวที่อยู่ด้านนอกตลาดติดริมอ่าว บรรยากาศดีมากกกก!! มีโต๊ะบาบิคิวพร้อมเตาไว้ค่อยบริการนักท่องเที่ยว ไม่ต้องกลัวว่าโต๊ะจะเต็ม เพราะมีโต๊ะไว้บริการเยอะมาก แต่ถ้าอยากได้โต๊ะติดริมทะเลก็ต้องแย่งชิงกันหน่อย เข้ามานั่งกิน แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาเปิดเตา ฟรี ไม่เสียค่าบริการ ดีงามมาก!!! บวกไว้อยู่ในค่าอาหารละ 555+ แต่ก็เอานะ มาถึงแล้วยังไงก็ต้องกิน บรรยากาศมันพาไป ไม่กินเหมือนมาไม่ถึง
พอได้โต๊ะแล้วก็เดินกลับเข้ามาในตลาดมาเลือกซื้ออาหารกัน จะมีโซนขายอาหารสด อาหารเสียบไม้สำหรับปิ้งย่างบาบีคิวให้เราเลือกซื้อ แล้วไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์
ดูจากราคาเพื่อนๆว่าแพงมั้ย ขนาดซอสหรือน้ำจิ้มยังแพ็คเป็นซองเล็กๆไว้ขายเลย ขายซองละ 30 เยนอะ ใจร้ายมาก!!
พอเลือกซื้ออาหารเสร็จก็ได้เวลาปิ้งย่างละ ต้องยอมรับว่าอาหารเค้าสดอร่อยจริงๆ ส่วนตัวนะ ชอบหอยเชลล์ย่างเนยกับไข่ปูเผา แอบสอยซูชิหน้าโอโทโร่มาแพ็คนึง อร่อยมากก!!
จังหวัดนี้เค้าดังเรื่องส้ม เดินอยู่ในตลาดเจอร้านขายน้ำส้มคั้นสดๆ คนขายก็เชียร์ให้เราซื้อ เลยลองสักขวด แถมด้วยเยลลี่รสส้ม ถามว่ารสชาติเป็นไง รสชาติมันแปลกๆ มันเป็นน้ำส้มออกนมๆ รสชาติแตกต่างจากน้ำส้มบ้านเราโดยสิ้นเชิง น้ำส้มคั้นไม่ค่อยชอบนะ แต่ถ้ากินเป็นเยลลี่อันนี้โอเคเลย เพื่อนๆลองดูได้นะ แล้วมาบอกด้วยว่าอร่อยมั้ย^^
เดินเข้ามาท้ายตลาดจะมาถึงโซนขายของฝากของที่ระลึก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสินค้า OTOP ของดีประจำจังหวัด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส้ม เอามาทำเป็นไส้ขนมต่างๆ เยลลี่ แยม น้ำส้มคั้น และอื่นๆอีกมากมาย
ในโซนขายของฝากของที่ระลึก มีบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นสอง พอขึ้นไปจะเป็นร้านอาหาร มีอยู่ประมาณ 4-5 ร้าน สามารถเดินออกไปถ่ายรูปมุมสูงของตลาดสดได้ด้วย
จากตลาด Kuroshio เราข้ามมาฝั่งตรงข้าม มาเดินเล่นที่สวนสนุก Porto Europa สวนสนุกที่ตกแต่งในธีมยุโรป อาคารบ้านเรือนก็ดูสวยงาม เป็นสวนสนุกเล็กๆ มีเครื่องเล่นไม่มาก บริเวณนี้ไม่เก็บค่าผ่านประตู ถ้าจะเล่นเครื่องเล่นก็เสียตังค์ต่างหาก เราใช้เวลาเดินเล่นย่อยอาหารอยู่แป๊บเดียวก็เดินไปเที่ยวจุดอื่นต่อละ
ก่อนจะกลับ เราแวะเข้าไปดูตลาดผลไม้ซะหน่อย อยู่ใกล้กับทางเข้าออกตรงข้ามกับตลาด Kuroshio เลย เป็นตลาดของกลุ่มเกษตรกรมาตั้งแผงขายกัน ส่วนใหญ่จะขายส้มกับลูกพลับ มีผลไม้อย่างอื่นบ้าง เท่าที่ดูราคาค่อนข้างถูกนะ อย่างส้มซื้อที่นี่ถูกกว่าซื้อในตลาด Kuroshio เยอะเลย
สถานที่ต่อไปที่จะไปเที่ยวคือปราสาท Wakayama เราขึ้นรถบัสจากจุดเดิมหน้า Wakayama Marina City กลับมาที่สถานีรถไฟ Wakayama Sta. จริงๆจากสถานีรถไฟถ้าเดินไป เดินตรงๆไปอย่างเดียวเลยประมาณ 20 นาทีก็ถึง แต่เราเลือกนั่งรถบัสไปดีกว่า ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เราเดินมาขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 3 สามารถขึ้นรถหมายเลข 0 40 42 44 และ 52 ไปลงที่ป้าย Koen Mae ค่าโดยสาร 230 เยน
รถบัสจะวิ่งตรงมาจนกระทั่งถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวา พอเลี้ยวขวาปุ๊บจอดเลย ป้าย Koen mae จะอยู่ใกล้กับสี่แยก ตรงข้ามกับปราสาท Wakayama
พอลงจากรถบัส เดินข้ามถนนมาแล้วอย่าเพิ่งเดินเข้าปราสาทนะ เดี๋ยวพาเดินไปถ่ายรูป ณ จุดที่สวยที่สุดของปราสาทก่อน จุดที่สวยที่สุดของปราสาทที่ว่าไม่ได้อยู่ภายในรั้วกำแพงปราสาท แต่อยู่ภายนอกรั้วกำแพง เป็นจุดที่สามารถเห็นสะพานโบราณ Ohashitoka พาดผ่านลำคลองโดยมีปราสาท Wakayama เป็นฉากหลัง
พอถึงทางเข้าปราสาทให้เดินเลยไปก่อน เดินเลาะแนวลำคลองไป ทางเดินบริเวณนี้ถ้ามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมาก คนไม่ค่อยพลุกพล่าน มีใบไม้สีสดใสกองอยู่ที่พื้น มีแนวต้นไม้ขนาดยาวไปกับลำคลอง สวยงามมาก ก็ให้เดินตามแนวกำแพงไปเรื่อยๆ จะเจอจุดถ่ายรูปปราสาทอยู่ทางซ้าย
ปราสาท WAKAYAMA
ปราสาท Wakayama ที่เห็นอยู่ปัจจุบันเป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิมที่ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยยังคงรายละเอียดสถาปัตยกรรมให้ใกล้เคียงกับปราสาทของเดิมให้มากที่สุด ตัวปราสาทเป็นสีขาว มีสามชั้น ตั้งอยู่บนเนินเขา มีธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม สวนบริเวณโดยรอบปราสาทยังเป็นจุดชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่สำคัญของเมืองวากายะม่าอีกด้วย
ภายในปราสาทมีการจัดแสดงทรัพย์สมบัติที่เคยเป็นของผู้ปกครองในอดีต รวมไปถึงซากสิ่งก่อสร้างในอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ ขึ้นไปบนยอดปราสาทจะเป็นจุดชมวิว พื้นที่โดยรอบปราสาท มองเห็นวิวเมืองและธรรมชาติที่สวยงามรอบๆปราสาทได้อย่างชัดเจน ค่าเข้าชมปราสาท 400 เยน สามารถซื้อตั๋วได้ที่ซุ้มจำหน่ายตั๋วหน้าทางเข้าปราสาท แต่เราเลือกที่จะไม่เข้าชมภายในปราสาท ขอเดินชมบรรยากาศรอบๆก็พอ
นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีสวนญี่ปุ่น Nishinomaru Teien Garden ถูกออกแบบมาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สวนแห่งนี้เคยได้รับการยกย่องให้เป็น Japanese Place of Scenic Beauty โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงที่ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นในสระน้ำ ทำให้สวนแห่งถูกเรียกว่า Garden of the valley of maple leave
จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นสะพาน Ohashotoka อยู่ไม่ไกล ในอดีตสะพานนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ขุนนางและคนรับใช้เดินข้ามไปพื้นที่ชั้นใน ลักษณะเป็นสะพานไม้แนวทะแยงขึ้น มีหลังคาและกำแพงปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้มองเห็นจากภายนอก เดี๋ยวเราจะไปเดินข้ามสะพานกัน
ปัจจุบันสะพานนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินผ่านได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เวลาจะเดินข้ามสะพานจะต้องถอดรองเท้า ซึ่งเค้าจะมีถุงพลาสติกให้เราใส่รองเท้าเดินถือข้ามไป ใช้เสร็จก็เอาถุงทิ้งไว้ในกล่องไม้ที่วางไว้อยู่ตรงปากทางอีกฟากนึง
จากปราสาท Wakayama เราขึ้นรถบัสป้ายฝั่งตรงข้ามปราสาท สังเกตุทิศทางการจราจรที่วิ่งตรงกลับไปยังสถานีรถไฟ Wakayama Sta. นั่งรถบัสสายเดียวกับมานั่งมา เราจะไปกินราเมงมื้อเย็นกันก่อนกลับ
ร้าน IDE SHOTEN RAMEN
ร้าน Ide Shoten Ramen ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Wakayama Sta. สามารถเดินไปได้ประมาณไม่ถึง 10 นาที ราเมงของเมืองวากายาม่านั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวรสชาติแตกต่างจากราเมงของภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะราเมงของร้าน Ide Shoten ที่ใช้น้ำซุปกระดูกหมูเคี่ยวผสมกับซอสโชยุสูตรลับออกมาเป็นรสชาติที่เป็นแบบฉบับของทางร้าน ส่วนเส้นของร้านนี้จะไม่ได้ใช้เป็นเส้นราเมงแต่จะใช้เป็นเส้นโซบะแทน ซึ่งกินเข้ากับน้ำซุปกระดูหมูออกข้นๆเล็กน้อยได้ดีทีเดียว ที่สำคัญร้าน Ide Shoten เคยได้รับการโหวตจากรายการทีวีแชมเปี้ยนของญี่ปุ่นว่าเป็นราเมงที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย
ภายในร้านนั่งได้สักประมาณสิบกว่าคน พอเข้าไปนั่งอย่างแรกที่รู้สึกได้คือ กลิ่นของน้ำซอสโซยุแรงมาก มองไปรอบๆเห็นคนอื่นเค้าสั่งซูชิไส้ปลาซาบะมากินกันแทบทุกโต๊ะระหว่างรอราเมง น่าจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านอีกอย่าง ราเมงของที่นี่จะมีแค่อย่างเดียว คือราเมงหมูชาชู ราคาจะเริ่มต้นที่ 700 เยน ถ้าจะเพิ่มเส้นหรือเพิ่มหมู 800 เยน ถ้าเพิ่มทั้งเส้นและหมู 900 เยน ส่วนถ้าจะเพิ่มไข่ด้วยก็บวกเพิ่มอีก 50 เยน เนื้อหมูชาชูของที่นี่จะหั่นสไลด์เป็นชิ้นค่อนข้างหนา แต่นุ่มอร่อยมาก ก็ถือว่าเป็นราเมงที่มีรสชาติแปลก ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นของซอสโชยุแรงไปนิด แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ มาถึงวากายาม่าแล้วก็ต้องแวะมากิน นี่ถือเป็นราเมงที่ชาวเมืองวากายาม่าภาคภูมิใจ
วิธีการเดินทางไปร้าน Ide Shoten Ramen คลิ๊กที่นี่
หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เดินทางกลับโอซาก้า โดยขึ้นรถไฟขบวน Ltd. Exp. Kuroshio จากสถานี Wakayama Sta. ไปลงที่สถานี Tennoji Sta. เพื่อเปลี่ยนขบวน JR Yamatoji Line Local ไปลงที่สถานี JR-Namba ใช้เวลาเดินประมาณ 55 นาที
หวังว่าทุกท่านคงสนุกกับการท่องเที่ยวในเมืองวากายาม่านะครับ เดินทางปลอดภัย ขอบคุณครับ
ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ
ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!!
จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง
ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า
ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji Line Local มาลงที่สถานี Tennoji Sta. เพื่อมาเปลี่ยนขบวน Ltd. Exp Kuroshio ไปลงที่สถานี Wakayama Sta. ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้น 53 นาที
พอถึงสถานี Wakayama Sta. ให้เดินออกมาทาง West Exit จะเห็นจุดจอดรถบัส เราจะไปเที่ยว Wakayama Marina City ก่อน มีรถบัสหลายสายที่ไปได้ สามารถไปขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 หรือ 2 ก็ได้ ไปได้ทั้งสองป้าย ถ้ารอที่ป้ายหมายเลข 1 ให้ขึ้นรถบัสสาย 42 หรือ 43 แต่ถ้าขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2 ให้ขึ้นรถบัสสาย 22, 121 หรือ 122 รถบัสของป้ายไหนมาก่อนก็ขึ้นอันนั้นเลย ส่วนค่าโดยสารราคา 510 เยนเท่ากันทุกสาย นั่งรถไปสักประมาณ 40 นาทีก็ถึง
WAKAYAMA MARINA CITY
พื้นที่ตรงนี้จะมีลักษณะเป็นเกาะที่ถมทะเลออกมาจากอ่าววากาอุระ สถานที่ท่องเที่ยวใน Wakayama Marina City ประกอบไปด้วยตลาดปลา Kuroshio Market สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ เรานั่งรถบัสมาจอดให้ลงใกล้กับตลาด Kuroshio เดี๋ยวเราเข้าไปเดินดูบรรยากาศในตลาดกันก่อน
ภายในตลาดดูคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว มีการแสดงสดแล่ปลาทูน่าตัวใหญ่ให้ชมวันละสามรอบ มีขายทั้งอาหารสด อาหารพร้อมรับประทาน แต่เท่าที่ดูรู้สึกว่าราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับตลาดปลาที่อื่นๆ ตลาดแห่งนี้ไม่ได้เป็นตลาดเก่าแก่อะไร ไม่ได้เป็นตลาดท้องถิ่นในชุมชน เหมือนกับว่าเค้าสร้างมาเพื่อให้เป็นสถานที่ไว้รองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ราคาอาหารจึงค่อนข้างแพง ถึงจะเป็นอย่างงั้น แต่ก็ขอบอกว่าเป็นตลาดที่ดูสะอาด น่าเดิน มีของขายเยอะพอสมควร เป็นตลาดที่มีบรรยากาศดี ภายในแบ่งเป็นหลายโซน มีทั้งโซนที่เป็นตลาดสด โซนขายของฝากของที่ระลึก และโซนบาบิคิวปิ้งย่างที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาอาหารสดจากในตลาดออกไปนั่งกินปิ้งย่างกัน เห็นแบบนี้แล้วเมื่อมาถึงยังไงก็ต้องกิน!!
พอได้โต๊ะแล้วก็เดินกลับเข้ามาในตลาดมาเลือกซื้ออาหารกัน จะมีโซนขายอาหารสด อาหารเสียบไม้สำหรับปิ้งย่างบาบีคิวให้เราเลือกซื้อ แล้วไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์
ดูจากราคาเพื่อนๆว่าแพงมั้ย ขนาดซอสหรือน้ำจิ้มยังแพ็คเป็นซองเล็กๆไว้ขายเลย ขายซองละ 30 เยนอะ ใจร้ายมาก!!
พอเลือกซื้ออาหารเสร็จก็ได้เวลาปิ้งย่างละ ต้องยอมรับว่าอาหารเค้าสดอร่อยจริงๆ ส่วนตัวนะ ชอบหอยเชลล์ย่างเนยกับไข่ปูเผา แอบสอยซูชิหน้าโอโทโร่มาแพ็คนึง อร่อยมากก!!
เดินเข้ามาท้ายตลาดจะมาถึงโซนขายของฝากของที่ระลึก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสินค้า OTOP ของดีประจำจังหวัด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส้ม เอามาทำเป็นไส้ขนมต่างๆ เยลลี่ แยม น้ำส้มคั้น และอื่นๆอีกมากมาย
ในโซนขายของฝากของที่ระลึก มีบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นสอง พอขึ้นไปจะเป็นร้านอาหาร มีอยู่ประมาณ 4-5 ร้าน สามารถเดินออกไปถ่ายรูปมุมสูงของตลาดสดได้ด้วย
จากตลาด Kuroshio เราข้ามมาฝั่งตรงข้าม มาเดินเล่นที่สวนสนุก Porto Europa สวนสนุกที่ตกแต่งในธีมยุโรป อาคารบ้านเรือนก็ดูสวยงาม เป็นสวนสนุกเล็กๆ มีเครื่องเล่นไม่มาก บริเวณนี้ไม่เก็บค่าผ่านประตู ถ้าจะเล่นเครื่องเล่นก็เสียตังค์ต่างหาก เราใช้เวลาเดินเล่นย่อยอาหารอยู่แป๊บเดียวก็เดินไปเที่ยวจุดอื่นต่อละ
ก่อนจะกลับ เราแวะเข้าไปดูตลาดผลไม้ซะหน่อย อยู่ใกล้กับทางเข้าออกตรงข้ามกับตลาด Kuroshio เลย เป็นตลาดของกลุ่มเกษตรกรมาตั้งแผงขายกัน ส่วนใหญ่จะขายส้มกับลูกพลับ มีผลไม้อย่างอื่นบ้าง เท่าที่ดูราคาค่อนข้างถูกนะ อย่างส้มซื้อที่นี่ถูกกว่าซื้อในตลาด Kuroshio เยอะเลย
สถานที่ต่อไปที่จะไปเที่ยวคือปราสาท Wakayama เราขึ้นรถบัสจากจุดเดิมหน้า Wakayama Marina City กลับมาที่สถานีรถไฟ Wakayama Sta. จริงๆจากสถานีรถไฟถ้าเดินไป เดินตรงๆไปอย่างเดียวเลยประมาณ 20 นาทีก็ถึง แต่เราเลือกนั่งรถบัสไปดีกว่า ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เราเดินมาขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 3 สามารถขึ้นรถหมายเลข 0 40 42 44 และ 52 ไปลงที่ป้าย Koen Mae ค่าโดยสาร 230 เยน
รถบัสจะวิ่งตรงมาจนกระทั่งถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวา พอเลี้ยวขวาปุ๊บจอดเลย ป้าย Koen mae จะอยู่ใกล้กับสี่แยก ตรงข้ามกับปราสาท Wakayama
พอลงจากรถบัส เดินข้ามถนนมาแล้วอย่าเพิ่งเดินเข้าปราสาทนะ เดี๋ยวพาเดินไปถ่ายรูป ณ จุดที่สวยที่สุดของปราสาทก่อน จุดที่สวยที่สุดของปราสาทที่ว่าไม่ได้อยู่ภายในรั้วกำแพงปราสาท แต่อยู่ภายนอกรั้วกำแพง เป็นจุดที่สามารถเห็นสะพานโบราณ Ohashitoka พาดผ่านลำคลองโดยมีปราสาท Wakayama เป็นฉากหลัง
พอถึงทางเข้าปราสาทให้เดินเลยไปก่อน เดินเลาะแนวลำคลองไป ทางเดินบริเวณนี้ถ้ามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมาก คนไม่ค่อยพลุกพล่าน มีใบไม้สีสดใสกองอยู่ที่พื้น มีแนวต้นไม้ขนาดยาวไปกับลำคลอง สวยงามมาก ก็ให้เดินตามแนวกำแพงไปเรื่อยๆ จะเจอจุดถ่ายรูปปราสาทอยู่ทางซ้าย
ปราสาท Wakayama ที่เห็นอยู่ปัจจุบันเป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิมที่ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยยังคงรายละเอียดสถาปัตยกรรมให้ใกล้เคียงกับปราสาทของเดิมให้มากที่สุด ตัวปราสาทเป็นสีขาว มีสามชั้น ตั้งอยู่บนเนินเขา มีธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม สวนบริเวณโดยรอบปราสาทยังเป็นจุดชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่สำคัญของเมืองวากายะม่าอีกด้วย
ภายในปราสาทมีการจัดแสดงทรัพย์สมบัติที่เคยเป็นของผู้ปกครองในอดีต รวมไปถึงซากสิ่งก่อสร้างในอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ ขึ้นไปบนยอดปราสาทจะเป็นจุดชมวิว พื้นที่โดยรอบปราสาท มองเห็นวิวเมืองและธรรมชาติที่สวยงามรอบๆปราสาทได้อย่างชัดเจน ค่าเข้าชมปราสาท 400 เยน สามารถซื้อตั๋วได้ที่ซุ้มจำหน่ายตั๋วหน้าทางเข้าปราสาท แต่เราเลือกที่จะไม่เข้าชมภายในปราสาท ขอเดินชมบรรยากาศรอบๆก็พอ
นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีสวนญี่ปุ่น Nishinomaru Teien Garden ถูกออกแบบมาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สวนแห่งนี้เคยได้รับการยกย่องให้เป็น Japanese Place of Scenic Beauty โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงที่ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นในสระน้ำ ทำให้สวนแห่งถูกเรียกว่า Garden of the valley of maple leave
จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นสะพาน Ohashotoka อยู่ไม่ไกล ในอดีตสะพานนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ขุนนางและคนรับใช้เดินข้ามไปพื้นที่ชั้นใน ลักษณะเป็นสะพานไม้แนวทะแยงขึ้น มีหลังคาและกำแพงปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้มองเห็นจากภายนอก เดี๋ยวเราจะไปเดินข้ามสะพานกัน
ปัจจุบันสะพานนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินผ่านได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เวลาจะเดินข้ามสะพานจะต้องถอดรองเท้า ซึ่งเค้าจะมีถุงพลาสติกให้เราใส่รองเท้าเดินถือข้ามไป ใช้เสร็จก็เอาถุงทิ้งไว้ในกล่องไม้ที่วางไว้อยู่ตรงปากทางอีกฟากนึง
พอเดินข้ามสะพานมาแล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆจะมาถึงลานกิจกรรม มีเจ้าหน้าที่แต่งตัวเป็นนิจจาทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนให้กับนักท่องเที่ยวในการใช้อาวุธ เช่นการปาดาวกระจาย การใช้ดาบซามุไร และการใช้ผ้าพรางตัวกับกำแพง นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
จากปราสาท Wakayama เราขึ้นรถบัสป้ายฝั่งตรงข้ามปราสาท สังเกตุทิศทางการจราจรที่วิ่งตรงกลับไปยังสถานีรถไฟ Wakayama Sta. นั่งรถบัสสายเดียวกับมานั่งมา เราจะไปกินราเมงมื้อเย็นกันก่อนกลับ
ร้าน IDE SHOTEN RAMEN
ร้าน Ide Shoten Ramen ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Wakayama Sta. สามารถเดินไปได้ประมาณไม่ถึง 10 นาที ราเมงของเมืองวากายาม่านั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวรสชาติแตกต่างจากราเมงของภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะราเมงของร้าน Ide Shoten ที่ใช้น้ำซุปกระดูกหมูเคี่ยวผสมกับซอสโชยุสูตรลับออกมาเป็นรสชาติที่เป็นแบบฉบับของทางร้าน ส่วนเส้นของร้านนี้จะไม่ได้ใช้เป็นเส้นราเมงแต่จะใช้เป็นเส้นโซบะแทน ซึ่งกินเข้ากับน้ำซุปกระดูหมูออกข้นๆเล็กน้อยได้ดีทีเดียว ที่สำคัญร้าน Ide Shoten เคยได้รับการโหวตจากรายการทีวีแชมเปี้ยนของญี่ปุ่นว่าเป็นราเมงที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย
ภายในร้านนั่งได้สักประมาณสิบกว่าคน พอเข้าไปนั่งอย่างแรกที่รู้สึกได้คือ กลิ่นของน้ำซอสโซยุแรงมาก มองไปรอบๆเห็นคนอื่นเค้าสั่งซูชิไส้ปลาซาบะมากินกันแทบทุกโต๊ะระหว่างรอราเมง น่าจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านอีกอย่าง ราเมงของที่นี่จะมีแค่อย่างเดียว คือราเมงหมูชาชู ราคาจะเริ่มต้นที่ 700 เยน ถ้าจะเพิ่มเส้นหรือเพิ่มหมู 800 เยน ถ้าเพิ่มทั้งเส้นและหมู 900 เยน ส่วนถ้าจะเพิ่มไข่ด้วยก็บวกเพิ่มอีก 50 เยน เนื้อหมูชาชูของที่นี่จะหั่นสไลด์เป็นชิ้นค่อนข้างหนา แต่นุ่มอร่อยมาก ก็ถือว่าเป็นราเมงที่มีรสชาติแปลก ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นของซอสโชยุแรงไปนิด แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ มาถึงวากายาม่าแล้วก็ต้องแวะมากิน นี่ถือเป็นราเมงที่ชาวเมืองวากายาม่าภาคภูมิใจ
วิธีการเดินทางไปร้าน Ide Shoten Ramen คลิ๊กที่นี่
หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เดินทางกลับโอซาก้า โดยขึ้นรถไฟขบวน Ltd. Exp. Kuroshio จากสถานี Wakayama Sta. ไปลงที่สถานี Tennoji Sta. เพื่อเปลี่ยนขบวน JR Yamatoji Line Local ไปลงที่สถานี JR-Namba ใช้เวลาเดินประมาณ 55 นาที
หวังว่าทุกท่านคงสนุกกับการท่องเที่ยวในเมืองวากายาม่านะครับ เดินทางปลอดภัย ขอบคุณครับ
ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น