ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Wakayama
ปราสาทสวย รวยของอร่อย ต้องที่นี่!!
จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใต้สุดของภูมิภาคคันไซ มีพื้นที่ชายฝั่งติดทะลและมีเมืองหลวงชื่อวากายาม่า ชื่อเดียวกับจังหวัด อยู่ห่างจากโอซาก้าประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟ มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง วันนี้เราจัดทริปเลือกเอาสถานที่ที่น่าสนใจในเมืองวากายาม่า ให้สามารถเที่ยวได้จบภายในหนึ่งวัน ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง

ทริปนี้เราเที่ยวกันอยู่ในเมืองวากายามา เริ่มจากนั่งรถบัสไปเที่ยวที่ (1) Wakayama Marina City ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่มีทั้งตลาดปลา Kuroshio สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ กินอาหารกลางวันบาบีคิวปิ้งย่างในบรรยากาศตลาดสดติดริมทะเล จากนั้นนั่งรถบัสเดินทางไปเที่ยวต่อที่ (2) Wakayama Castle ที่มีสวนและธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม หามุมถ่ายรูปสะพานไม้โบราณที่มีตัวปราสาทวากายาม่าเป็นฉากหลัง จากนั้นแวะกินราเมงก่อนกลับที่ร้าน (3) Ide Shoten Ramen ราเมงที่ชนะที่ 1 ในรายการทีวีแชมเปี้ยน ร้านดังประจำจังหวัด จบทริปเดินทางกลับโอซาก้า

ขอเริ่มที่สถานี JR-Namba Sta. ในเมือง Osaka นั่งขบวนรถไฟ JR Yamatoji Line Local มาลงที่สถานี Tennoji Sta. เพื่อมาเปลี่ยนขบวน Ltd. Exp Kuroshio ไปลงที่สถานี Wakayama Sta. ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้น 53 นาที

พอถึงสถานี Wakayama Sta. ให้เดินออกมาทาง West Exit จะเห็นจุดจอดรถบัส เราจะไปเที่ยว Wakayama Marina City ก่อน มีรถบัสหลายสายที่ไปได้ สามารถไปขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 หรือ 2 ก็ได้ ไปได้ทั้งสองป้าย ถ้ารอที่ป้ายหมายเลข 1 ให้ขึ้นรถบัสสาย 42 หรือ 43 แต่ถ้าขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2 ให้ขึ้นรถบัสสาย 22, 121 หรือ 122 รถบัสของป้ายไหนมาก่อนก็ขึ้นอันนั้นเลย ส่วนค่าโดยสารราคา 510 เยนเท่ากันทุกสาย นั่งรถไปสักประมาณ 40 นาทีก็ถึง



WAKAYAMA MARINA CITY
พื้นที่ตรงนี้จะมีลักษณะเป็นเกาะที่ถมทะเลออกมาจากอ่าววากาอุระ สถานที่ท่องเที่ยวใน Wakayama Marina City ประกอบไปด้วยตลาดปลา Kuroshio Market สวนสนุก Porto Europa และตลาดผลไม้ เรานั่งรถบัสมาจอดให้ลงใกล้กับตลาด Kuroshio เดี๋ยวเราเข้าไปเดินดูบรรยากาศในตลาดกันก่อน


ภายในตลาดดูคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว มีการแสดงสดแล่ปลาทูน่าตัวใหญ่ให้ชมวันละสามรอบ มีขายทั้งอาหารสด อาหารพร้อมรับประทาน แต่เท่าที่ดูรู้สึกว่าราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับตลาดปลาที่อื่นๆ ตลาดแห่งนี้ไม่ได้เป็นตลาดเก่าแก่อะไร ไม่ได้เป็นตลาดท้องถิ่นในชุมชน เหมือนกับว่าเค้าสร้างมาเพื่อให้เป็นสถานที่ไว้รองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ราคาอาหารจึงค่อนข้างแพง ถึงจะเป็นอย่างงั้น แต่ก็ขอบอกว่าเป็นตลาดที่ดูสะอาด น่าเดิน มีของขายเยอะพอสมควร เป็นตลาดที่มีบรรยากาศดี ภายในแบ่งเป็นหลายโซน มีทั้งโซนที่เป็นตลาดสด โซนขายของฝากของที่ระลึก และโซนบาบิคิวปิ้งย่างที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาอาหารสดจากในตลาดออกไปนั่งกินปิ้งย่างกัน เห็นแบบนี้แล้วเมื่อมาถึงยังไงก็ต้องกิน!!


ไฮไลท์ของตลาดแห่งนี้อยู่ที่โซนบาบีคิวที่อยู่ด้านนอกตลาดติดริมอ่าว บรรยากาศดีมากกกก!! มีโต๊ะบาบิคิวพร้อมเตาไว้ค่อยบริการนักท่องเที่ยว ไม่ต้องกลัวว่าโต๊ะจะเต็ม เพราะมีโต๊ะไว้บริการเยอะมาก แต่ถ้าอยากได้โต๊ะติดริมทะเลก็ต้องแย่งชิงกันหน่อย เข้ามานั่งกิน แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาเปิดเตา ฟรี ไม่เสียค่าบริการ ดีงามมาก!!! บวกไว้อยู่ในค่าอาหารละ 555+ แต่ก็เอานะ มาถึงแล้วยังไงก็ต้องกิน บรรยากาศมันพาไป ไม่กินเหมือนมาไม่ถึง

พอได้โต๊ะแล้วก็เดินกลับเข้ามาในตลาดมาเลือกซื้ออาหารกัน จะมีโซนขายอาหารสด อาหารเสียบไม้สำหรับปิ้งย่างบาบีคิวให้เราเลือกซื้อ แล้วไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์



ดูจากราคาเพื่อนๆว่าแพงมั้ย ขนาดซอสหรือน้ำจิ้มยังแพ็คเป็นซองเล็กๆไว้ขายเลย ขายซองละ 30 เยนอะ ใจร้ายมาก!!



พอเลือกซื้ออาหารเสร็จก็ได้เวลาปิ้งย่างละ ต้องยอมรับว่าอาหารเค้าสดอร่อยจริงๆ ส่วนตัวนะ ชอบหอยเชลล์ย่างเนยกับไข่ปูเผา แอบสอยซูชิหน้าโอโทโร่มาแพ็คนึง อร่อยมากก!!




จังหวัดนี้เค้าดังเรื่องส้ม เดินอยู่ในตลาดเจอร้านขายน้ำส้มคั้นสดๆ คนขายก็เชียร์ให้เราซื้อ เลยลองสักขวด แถมด้วยเยลลี่รสส้ม ถามว่ารสชาติเป็นไง รสชาติมันแปลกๆ มันเป็นน้ำส้มออกนมๆ รสชาติแตกต่างจากน้ำส้มบ้านเราโดยสิ้นเชิง น้ำส้มคั้นไม่ค่อยชอบนะ แต่ถ้ากินเป็นเยลลี่อันนี้โอเคเลย เพื่อนๆลองดูได้นะ แล้วมาบอกด้วยว่าอร่อยมั้ย^^

เดินเข้ามาท้ายตลาดจะมาถึงโซนขายของฝากของที่ระลึก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสินค้า OTOP ของดีประจำจังหวัด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส้ม เอามาทำเป็นไส้ขนมต่างๆ เยลลี่ แยม น้ำส้มคั้น และอื่นๆอีกมากมาย


ในโซนขายของฝากของที่ระลึก มีบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นสอง พอขึ้นไปจะเป็นร้านอาหาร มีอยู่ประมาณ 4-5 ร้าน สามารถเดินออกไปถ่ายรูปมุมสูงของตลาดสดได้ด้วย

จากตลาด Kuroshio เราข้ามมาฝั่งตรงข้าม มาเดินเล่นที่สวนสนุก Porto Europa สวนสนุกที่ตกแต่งในธีมยุโรป อาคารบ้านเรือนก็ดูสวยงาม เป็นสวนสนุกเล็กๆ มีเครื่องเล่นไม่มาก บริเวณนี้ไม่เก็บค่าผ่านประตู ถ้าจะเล่นเครื่องเล่นก็เสียตังค์ต่างหาก เราใช้เวลาเดินเล่นย่อยอาหารอยู่แป๊บเดียวก็เดินไปเที่ยวจุดอื่นต่อละ


ก่อนจะกลับ เราแวะเข้าไปดูตลาดผลไม้ซะหน่อย อยู่ใกล้กับทางเข้าออกตรงข้ามกับตลาด Kuroshio เลย เป็นตลาดของกลุ่มเกษตรกรมาตั้งแผงขายกัน ส่วนใหญ่จะขายส้มกับลูกพลับ มีผลไม้อย่างอื่นบ้าง  เท่าที่ดูราคาค่อนข้างถูกนะ อย่างส้มซื้อที่นี่ถูกกว่าซื้อในตลาด Kuroshio เยอะเลย



สถานที่ต่อไปที่จะไปเที่ยวคือปราสาท Wakayama เราขึ้นรถบัสจากจุดเดิมหน้า Wakayama Marina City กลับมาที่สถานีรถไฟ Wakayama Sta. จริงๆจากสถานีรถไฟถ้าเดินไป เดินตรงๆไปอย่างเดียวเลยประมาณ 20 นาทีก็ถึง แต่เราเลือกนั่งรถบัสไปดีกว่า ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เราเดินมาขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 3 สามารถขึ้นรถหมายเลข 0 40 42 44 และ 52 ไปลงที่ป้าย Koen Mae ค่าโดยสาร 230 เยน


รถบัสจะวิ่งตรงมาจนกระทั่งถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวา พอเลี้ยวขวาปุ๊บจอดเลย ป้าย Koen mae จะอยู่ใกล้กับสี่แยก ตรงข้ามกับปราสาท Wakayama


พอลงจากรถบัส เดินข้ามถนนมาแล้วอย่าเพิ่งเดินเข้าปราสาทนะ เดี๋ยวพาเดินไปถ่ายรูป ณ จุดที่สวยที่สุดของปราสาทก่อน จุดที่สวยที่สุดของปราสาทที่ว่าไม่ได้อยู่ภายในรั้วกำแพงปราสาท แต่อยู่ภายนอกรั้วกำแพง เป็นจุดที่สามารถเห็นสะพานโบราณ Ohashitoka พาดผ่านลำคลองโดยมีปราสาท Wakayama เป็นฉากหลัง

พอถึงทางเข้าปราสาทให้เดินเลยไปก่อน เดินเลาะแนวลำคลองไป ทางเดินบริเวณนี้ถ้ามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมาก คนไม่ค่อยพลุกพล่าน มีใบไม้สีสดใสกองอยู่ที่พื้น มีแนวต้นไม้ขนาดยาวไปกับลำคลอง สวยงามมาก ก็ให้เดินตามแนวกำแพงไปเรื่อยๆ จะเจอจุดถ่ายรูปปราสาทอยู่ทางซ้าย

ปราสาท WAKAYAMA
ปราสาท Wakayama ที่เห็นอยู่ปัจจุบันเป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิมที่ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยยังคงรายละเอียดสถาปัตยกรรมให้ใกล้เคียงกับปราสาทของเดิมให้มากที่สุด ตัวปราสาทเป็นสีขาว มีสามชั้น ตั้งอยู่บนเนินเขา มีธรรมชาติโดยรอบที่สวยงาม สวนบริเวณโดยรอบปราสาทยังเป็นจุดชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่สำคัญของเมืองวากายะม่าอีกด้วย

ภายในปราสาทมีการจัดแสดงทรัพย์สมบัติที่เคยเป็นของผู้ปกครองในอดีต รวมไปถึงซากสิ่งก่อสร้างในอดีตที่ยังหลงเหลืออยู่ ขึ้นไปบนยอดปราสาทจะเป็นจุดชมวิว พื้นที่โดยรอบปราสาท มองเห็นวิวเมืองและธรรมชาติที่สวยงามรอบๆปราสาทได้อย่างชัดเจน ค่าเข้าชมปราสาท 400 เยน สามารถซื้อตั๋วได้ที่ซุ้มจำหน่ายตั๋วหน้าทางเข้าปราสาท แต่เราเลือกที่จะไม่เข้าชมภายในปราสาท ขอเดินชมบรรยากาศรอบๆก็พอ



นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีสวนญี่ปุ่น  Nishinomaru Teien Garden ถูกออกแบบมาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สวนแห่งนี้เคยได้รับการยกย่องให้เป็น Japanese Place of Scenic Beauty โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงที่ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นในสระน้ำ ทำให้สวนแห่งถูกเรียกว่า Garden of the valley of maple leave



จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นสะพาน Ohashotoka อยู่ไม่ไกล ในอดีตสะพานนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ขุนนางและคนรับใช้เดินข้ามไปพื้นที่ชั้นใน ลักษณะเป็นสะพานไม้แนวทะแยงขึ้น มีหลังคาและกำแพงปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้มองเห็นจากภายนอก เดี๋ยวเราจะไปเดินข้ามสะพานกัน

ปัจจุบันสะพานนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินผ่านได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เวลาจะเดินข้ามสะพานจะต้องถอดรองเท้า ซึ่งเค้าจะมีถุงพลาสติกให้เราใส่รองเท้าเดินถือข้ามไป ใช้เสร็จก็เอาถุงทิ้งไว้ในกล่องไม้ที่วางไว้อยู่ตรงปากทางอีกฟากนึง



พอเดินข้ามสะพานมาแล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆจะมาถึงลานกิจกรรม มีเจ้าหน้าที่แต่งตัวเป็นนิจจาทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนให้กับนักท่องเที่ยวในการใช้อาวุธ เช่นการปาดาวกระจาย การใช้ดาบซามุไร และการใช้ผ้าพรางตัวกับกำแพง นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย


จากปราสาท Wakayama เราขึ้นรถบัสป้ายฝั่งตรงข้ามปราสาท สังเกตุทิศทางการจราจรที่วิ่งตรงกลับไปยังสถานีรถไฟ Wakayama Sta. นั่งรถบัสสายเดียวกับมานั่งมา เราจะไปกินราเมงมื้อเย็นกันก่อนกลับ

ร้าน IDE SHOTEN RAMEN
ร้าน Ide Shoten Ramen ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Wakayama Sta. สามารถเดินไปได้ประมาณไม่ถึง 10 นาที ราเมงของเมืองวากายาม่านั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวรสชาติแตกต่างจากราเมงของภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะราเมงของร้าน Ide Shoten ที่ใช้น้ำซุปกระดูกหมูเคี่ยวผสมกับซอสโชยุสูตรลับออกมาเป็นรสชาติที่เป็นแบบฉบับของทางร้าน ส่วนเส้นของร้านนี้จะไม่ได้ใช้เป็นเส้นราเมงแต่จะใช้เป็นเส้นโซบะแทน ซึ่งกินเข้ากับน้ำซุปกระดูหมูออกข้นๆเล็กน้อยได้ดีทีเดียว ที่สำคัญร้าน Ide Shoten เคยได้รับการโหวตจากรายการทีวีแชมเปี้ยนของญี่ปุ่นว่าเป็นราเมงที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย

ภายในร้านนั่งได้สักประมาณสิบกว่าคน พอเข้าไปนั่งอย่างแรกที่รู้สึกได้คือ กลิ่นของน้ำซอสโซยุแรงมาก มองไปรอบๆเห็นคนอื่นเค้าสั่งซูชิไส้ปลาซาบะมากินกันแทบทุกโต๊ะระหว่างรอราเมง น่าจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านอีกอย่าง ราเมงของที่นี่จะมีแค่อย่างเดียว คือราเมงหมูชาชู ราคาจะเริ่มต้นที่ 700 เยน ถ้าจะเพิ่มเส้นหรือเพิ่มหมู 800 เยน ถ้าเพิ่มทั้งเส้นและหมู 900 เยน ส่วนถ้าจะเพิ่มไข่ด้วยก็บวกเพิ่มอีก 50 เยน เนื้อหมูชาชูของที่นี่จะหั่นสไลด์เป็นชิ้นค่อนข้างหนา แต่นุ่มอร่อยมาก ก็ถือว่าเป็นราเมงที่มีรสชาติแปลก ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นของซอสโชยุแรงไปนิด แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ มาถึงวากายาม่าแล้วก็ต้องแวะมากิน นี่ถือเป็นราเมงที่ชาวเมืองวากายาม่าภาคภูมิใจ



วิธีการเดินทางไปร้าน Ide Shoten Ramen คลิ๊กที่นี่

หลังจากอิ่มท้องแล้วก็เดินทางกลับโอซาก้า โดยขึ้นรถไฟขบวน Ltd. Exp. Kuroshio จากสถานี Wakayama Sta. ไปลงที่สถานี Tennoji Sta. เพื่อเปลี่ยนขบวน JR Yamatoji Line Local ไปลงที่สถานี JR-Namba ใช้เวลาเดินประมาณ 55 นาที

หวังว่าทุกท่านคงสนุกกับการท่องเที่ยวในเมืองวากายาม่านะครับ เดินทางปลอดภัย ขอบคุณครับ

ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำโรงแรมโดนๆ: Urashima Hotel  โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นกับสุดยอดออนเซน!! วันนี้มารีวิวโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีชื่อว่า Urashima Hotel ตั้งอยู่ในจังหวัดวากายาม่า (Wakayama) เมืองคิอิคัทสึอูระ (Kiikatsuura) เมืองนี้เป็นแหล่งจับปลาทูน่าได้มากที่สุดของญี่ปุ่นด้วย โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่เกาะ ประมาณว่าเกาะทั้งเกาะเป็นของเค้า พื้นที่หลักๆแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกตั้งอยู่เชิงเขาด้านหน้าเกาะ ซึ่งเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ reception และห้องพักบางส่วน ส่วนพื้นที่ที่สองจะตั้งอยู่บนเขาซึ่งเป็นส่วนของห้องพักในระดับราคาที่แพงขึ้นไป มีจุดชมวิว รวมไปถึงออนเซนในบรรยากาศสุดยอด ไฮไลท์ของโรงแรมคือบ่อออนเซนทั้ง 6 บ่อในบรรยากาศออนเซนที่อยู่ในถ้ำริมหน้าผาติดทะเล จะสวยงามอย่างไรตามมาชมเลยครับ เนื่องจากตัวโรงแรมตั้งอยู่บนเกาะที่แยกตัวออกไป การเดินไปโรงแรมเราต้องนั่งเรือข้ามไป ซึ่งทางโรงแรมก็มีบริการเรือรับส่งให้กับนักท่องเที่ยวฟรี รอสักพักเรือของโรงแรมก็มา จากท่าเรือมองเห็นโรงแรมอยู่ไกลๆ นั่งเรือไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง เข้ามาถึงโรงแรมก็จะเจอเคาน์เตอร์ Check in ก่อน...
ร้านอร่อย NAGOYA : พากิน ประชัดความอร่อย!! วันนี้จะพามากินเมนูเด่นเมนูดังในเมืองนาโกย่า ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองนี้ ร้านแรกที่จะพาไปกินคือร้านข้าวหน้าหมูทอด yabaton เมนูเหมือนจะธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา ความพิเศษของข้าวหน้าหมูทอดร้านนี้คือเจ้าตัวซอสมิโซะที่ใช้ราดบนหมูทอด แตกต่างจากร้านทงคัตสึทั่วไปที่จะกินกับซอสวูสเตอร์(ซอสรสเปรี้ยวอมหวาน) ซึ่งเจ้าซอสมิโซะก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองนาโงย่านี่แหละ อีกเมนูนึงที่จะพาไปกินคือข้าวหน้าปลาไหล Horaiken ร้านนี้เป็นต้นกำเนิดเมนูข้าวหน้าปลาไหลเลยนะ ก่อนที่มันจะได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น สำหรับผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลย วันนี้พาไปกินร้านดังทั้งสองร้านของเมืองนาโงย่า ส่วนร้านไหนอร่อยกว่ากันให้ทุกท่านเป็นผู้ตัดสินเองนะครับ^^ YABATON  ข้าวหน้าหมูทอด เริ่มที่ข้าวหน้าหมูทอด Yabaton ก่อน ร้านนี้จริงๆมีสาขาอยู่ทั่วเมืองนาโงย่า ประมาณว่าเดินไปตรงไหนก็เจอ แต่เราจะพามาที่สาขาตรงสถานีรถไฟ JR Nagoya หาง่ายหน่อย พอมาถึงสถานีรถไฟ JR Nagoya แล้วให้เดินออกทางด้านหลัง ตรงทางออก Taik...
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Shizuoka พอพูดถึงการมาเที่ยวชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ หลายคนจะนึกถึงเมือง Kawaguchiko ในจังหวัด Yamanashi จริงๆแล้วภูเขาไฟฟูจิมีพื้นที่ติดกับสองจังหวัดในญี่ปุ่น อีกจังหวัดที่กล่าวถึงคือจังหวัด Shizuoka ซึ่งจะมีทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่งดงามแตกต่างกันออกไป การมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดชิซูโอกะ เราจะได้พบกับทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิกับไร่ชาเขียวซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ รายละเอียดโปรแกรมการเที่ยว เริ่มจากนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Shizuoka Sta. ต่อรถบัสมาเที่ยวแถบ Nihondaira แวะถ่ายรูปที่จุดชมวิว (1)Nihondaira Hill สัมผัสกรรมวิธีการเก็บใบชาที่ (2)Nihondaira Tea Hall ถ่ายรูปไร่ชาโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ตลอดจนแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ที่ร้านขายชาในสวน จากนั้นเดินกลับมาขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขา Mt.Kuno ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า (3)Kunosan Toshogu ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนั่งกระเช้ากลับลงมาต่อรถบัสกลับเข้าไปเดินเล่นในเมือง เดินเล่นช็อปปิ้งที่ถนน (4)Gofukucho Dori แวะทานทาร์ตผลไม้ร้านดัง (5)Qu'il Fait Bon ...
ทริป 1 วันจาก Osaka สู่จังหวัด Mie จังหวัดมิเอะ(Mie)ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น เกาะไข่มุข(Mikimoto Pearl Island) หินแต่งงาน(Meoto Iwa) มีอาหารอร่อยที่มีชื่อเสียง เช่น กุ้งมังกรอิเสะ หอยนางรม (ที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น อย่างที่เคยเขียนไว้ในรีวิวก่อนหน้านี้  Maruzen Oyster Farm ) รวมไปถึงเนื้อมัตสึซากะหนึ่งในเนื้อวัวที่ดีที่สุดของโลกก็เป็นผลผลิตมาจากจังหวัดนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น ศาลเจ้าอิเสะ(Ise Grand Shrine) ถนนโบราณโอฮาไรมาชิ(Ohamarachi) และปราสาทอิงะ(Iga Castle) รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(Toba Aquarium) พิพิธภัณฑ์นินจา(Ninja Museum of Igaryu) และงานจัดแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่ Nabana No Sato Winter Illumination(อ่านรีวิวได้ที่นี่  Nabana No Sato Winter Illumination ) ที่กล่าวมาทั้งหมดคงใช้เวลาเที่ยวภายในวันเดียวไม่หมด ผมมีเวลาอยู่ในจังหวัดนี้แค่ 1 วันเลือกเที่ยวอยู่แค่ในเมืองอิเสะ(Ise)และเมืองโทบะ(Toba) ...
ทริป 1 วัน จาก Osaka สู่ Hyogo ตอน: เช้าไปเย็นกลับที่ Arima Onsen ทริปนี้เรามาเที่ยวกันที่จังหวัดเฮียวโกะ จังหวัดนี้มีอะไรดัง? ถ้าพูดถึงเมืองโกเบคนส่วนใหญ่คงรู้จักดี โกเบก็เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองออนเซนชื่อดังที่อยู่อีกฝั่งนึงของเมืองโกเบ อาริมะออนเซนเป็นเมืองออนเซนที่มีชื่อเสียง มีน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดติดอับดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สามารถเดินทางมาจากโอซาก้า เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ นอกจากนั้นในช่วงเย็นๆ เราพาขึ้นเขาไปดูวิวกลางคืนของอ่าวโกเบที่ได้ฉายาว่า The Million Dollar Night View ทริปนี้จะฟินขนาดไหน ตามมาครับ HANKYU HIGHWAY BUS เราเลือกใช้วิธีการเดินทางจากโอซาก้าโดยรถบัสของ Hankyu Highway Bus น่าจะเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายที่สุด ถ้านั่งรถไฟมันต้องนั่งกันหลายต่อ เรามาขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanban Gai ใต้สถานีรถไฟใต้ดิน Hankyu Umeda Sta.(Subway) รถบัสที่วิ่งไปกลับระหว่างโอซาก้ากับอาริมะออนเซนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สาย นั่งไปได้ทั้ง 3 สาย ต่างกันที่จะมีบางสายวิ่งตรง บางสายแวะบางจุดก่อน จากภาพด้านล่าง -สายสีแดง(Express) จะแวะที่สถานีรถไ...
ทริป 1 วัน จาก Tokyo สู่ Chiba เสน่ห์ 2 เมืองเก่าในจังหวัดชิบะ ตามรอยละครดัง ทริปนี้โปรแกรมไม่แน่น มีเวลาให้เดินเล่นชมเมืองสบายๆในเขตเมืองเก่าทั้ง 2 เมืองในจังหวะดชิบะซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ส่วนที่พาดหัวไว้ว่า "ตามรอยละครดัง" เพราะว่ามีหนังญี่ปุ่นหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงละครไทยเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และหนังไทยเรื่อง "ฟัด จัง โตะ" ก็ใช้โลเคชั่นของวัดนาริตะซันกับเมื่องโบราณซาวาระเป็นที่ถ่ายทำด้วย การเดินทางสู่เมืองนาริตะเริ่มจากสถานีรถไฟ Tokyo Sta. นั่งรถไฟสาย JR Sobu Line Rapid Service ถึงสถานี Narita Sta. ใช้เวลาเดินทาง 73 นาที (จริงๆมีขบวนอื่นสามารถเดินทางมาถึงได้เหมือนกัน แต่ขบวนนี้ง่ายที่สุดแล้ว) รถไฟจะแวะจอดที่สถานี Chiba Sta. ไม่ต้องลง นั่งต่อไปเลยจนถึงสถานี Narita Sta. รถไฟขบวนนี้จะมีทุกๆชั่วโมง ถึงเมืองนาริตะ เที่ยววัดดังประจำจังหวัด Naritasan Shinshoji ตลอดเส้นทางสู่วัดนาริตะซังจะผ่านถนนสายการค้า Omotesando ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง และร้านอาหารยาวเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ระหว่างทางท่านจะพบ...
เลิกงงซะที ในสถานีรถไฟญี่ปุ่น!! หลายคนมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นต้องใช้รถไฟในการเดินทางเป็นหลัก เพราะมันสะดวกและไปได้ทั่วถึงทุกที่ สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่คงจะงงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่น ไม่ใช่เฉพาะแค่มือใหม่หัดเที่ยว ขนาดมือเก่าที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ้างแล้วบางคนยังมีอาการมึนงง นั้นเป็นเพราะมันมีรถไฟหลายประเภทหลายสายมากๆ แค่ยืนดูแผนผังรถไฟก็งงแล้ว วันนี้เรามาบอกวิธีการสังเกตง่ายๆในการทำความเข้าใจระบบรถไฟของญี่ปุ่น เพื่อจะขึ้นรถไฟแล้วไม่งงไม่หลงอีกต่อไป ทำความรู้จักกับประเภทของรถไฟต่างๆในญี่ปุ่นกันก่อน ถ้าจะให้แบ่งประเภทรถไฟในญี่ปุ่นก็อาจจะแบ่งได้หลักๆเป็น 3 ประเภท 1. รถไฟ JR 2. รถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) 3. รถไฟใต้ดิน(Subway) ที่ต้องการแบ่งให้เห็นชัดเจนอย่างนี้เพราะรถไฟแต่ละประเภทจะมีชานชาลา(Track)และมีรางวิ่งเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่นถ้าคุณต้องการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง(Shinkansen) คุณก็ต้องเดินไปขึ้นที่ชานชาลาเฉพาะของรถไฟ Shinkansen นั้นเอง เรามาลองทำความรู้จักรถไฟแต่ละประเภทให้มากขึ้น รถไฟ JR เป็นเครือข่ายรถไฟที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ ทั้งวิ่งในตัวเมืองและวิ่งข้าม...
Ikaho Onsen "เมืองบันไดหิน กับ ออนเซ็นเทพเจ้า" Ikaho Onsen เป็นออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ(อีกแล้ว) ในจังหวัดกุนมะมีออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง เช่น Kusatsu Onsen, Takaragawa Onsen.  Ikaho Onsen ก็เป็นเมืองออนเซนอีกแห่งนึงที่อาจจะมีชื่อเสียงน้อยกว่าออนเซ็นทั้งสองแห่งที่กล่าวมา แต่เมืองนี้ก็มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย มีกลิ่นอายของความเป็นเมืองเก่า และไฮไลท์ของ Ikaho Onsen ที่ไม่เหมือนใคร คือ ใจกลางเมืองเก่าจะมีบันไดหินเก่าแก่พาดผ่านชุมชนที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นระยะทางกว่า 300 เมตร ตามบันทึกในสมัยโบราณกว่า 400 ปีมาแล้ว เมืองแห่งนี้ถูกเรียกว่า "Ishidan gai" หรือ "เมืองเเห่งบันไดหิน" นั้นเอง การเดินทางมายังเมือง Ikaho Onsen ให้นั่งรถไฟมาลงสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Shibukawa ถ้ามาจากโตเกียวจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที จากนั้นนั่งรถบัสต่อมาอีก 30 นาที แต่ก่อนจะไป Ikaho Onsen เราขอพาไปกินอะไรอร่อยๆก่อน ร้านที่จะพาไปกินคือร้านขายทงคัตสึ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Maebashi ซึ่งเป็นเมืองทางผ่านไปยัง Ikaho Onsen ร้านที่ว่าชื่อร้าน Katsuhisa Muan ร้าน...
"รีวิว โรงแรม Toyoko Inn โรงแรมประหยัดที่มีเครือข่ายมากที่สุดในญี่ปุ่น" "ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วไม่เคยเห็น TOYOKO INN เหมือนมาไม่ถึง" คำพูดนี้คงไม่เกินจริง เพราะถ้าคุณลองสังเกตุดู ทุกครั้งที่คุณเดินออกจากสถานีรถไฟ ภายในรัศมี 1 กิโลเมตรคุณมักจะพบเห็นโรงแรม Toyoko Inn อยู่เสมอ Toyoko Inn เป็นโรงแรมทึ่มีสาขาเยอะที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันมีมากกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ แทบทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวจะต้องมีโรงแรม Toyoko Inn ตั้งอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟเสมอ ในเมืองใหญ่ๆ ในบางพื้นที่ที่กับใกล้สถานีรถไฟอาจจะมีสาขาของโรงแรม Toyoko Inn มากถึง 2-3 สาขาในพื้นที่ใกล้เคียงกัน "นี่มันโรงแรมหรือ 7-11 กันแน่???" โรงแรม Toyoko Inn เป็น Budget Hotel ระดับสามดาว ไม่ได้หรูหรา มีขนาดไม่ใหญ่นัก ห้องพักสะอาด เดินทางสะดวกเพราะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ถึงแม้โรงแรมและห้องพักจะมีขนาดเล็กไปสักหน่อยแต่มีสาธารณูปโภคครบครัน รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นตามมาตราฐานของโรงแรมที่ดี(อาจจะแตกต่างกันบ้างในบ้างสาขา สามารถเช็กได้จาก website ของโรงแรมแต่ละสาขา)   ทุ...