กินลมชมสะพาน@MISHIMA SKYWALK
ทริปนี้พามาเที่ยวสถานที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดชิซูโอกะ "Mishima Skywalk" เป็นสะพานแขวนคนดินที่มีความยาวถึง 400 เมตร ยาวที่สุดในญี่ปุ่น เอาชนะแชมป์เก่าคือสะพานแขวน Kokonoe Yume ในจังหวัดโออิตะ เพียงแค่ 10 เมตรเท่านั้น เป็นสะพานแขวนที่ทอดยาวข้ามหุบเขาสูงจากระดับพื้น 70.5 เมตร ถือเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมืี่อวันที่ 14 ธันวาคม 2015 นี้
พื้นที่แถบนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีพาสที่ออกมาใช้ในการเดินทางครอบคลุมได้ดีเท่าที่ควร จะมีก็แค่ Mt. Fuji Shizuoka Area Tourist Pass Mini เท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถใช้เดินทางมาจากเมืองใหญ่ๆ เช่นโตเกียวหรือนาโงย่าได้ เพราะฉะนั้นการจะมาเที่ยวในจังหวัดชิซูโอกะแนะนำให้สำหรับผู้ถือบัตร JR All Area Pass เท่านั้น ถ้าจะจ่ายกันเป็นเที่ยวๆค่าโดยสารรถไฟแพงมาก การเดินทางมาจากโตเกียวหรือนาโงย่าสามารถนั่งรถไฟ Shinkansen ทั้งขบวน Kodama ซึ่งจะมีทุกๆครึ่งชั่วโมง และขบวน Hikari ซึ่งจะมีทุกๆ 2 ชั่วโมง แต่ขบวน Hikari จะใช้เวลาวิ่งน้อยกว่า
พอถึงสถานีรถไฟ Mishima Sta. ให้เดินออกทาง South Exit เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงไปจนสุดทางจะเจอป้ายรถบัสเบอร์ 5 ขึ้นรถบัสที่ป้ายเบอร์ 5 ไปลงป้าย Mishima Otsuribashi ใช้เวลานั่งรถประมาณ 20 นาที
แนะนำให้ซื้อตั๋ว One Day Pass 900 เยน + บัตรเข้าชม Mishima Skywalk 900 เยน รวมทั้งสิ้น 1,800 เยน จากเคาน์เตอร์ขายตั๋วใกล้ๆกับป้ายรถบัส ถ้าไม่ซื้อตัว One Day Pass ก็สามารถจ่ายค่าโดยสารบนรถได้ เที่ยวละ 560 เยน ซึ่งคิดแล้วไปกลับรวม 1,120 เยน มันจะแพงกว่า ส่วนบัตรเข้าชม Mishima Skywalk ถ้าไปซื้อหน้าทางเข้าจะขายในราคา 1,000 บาท
ภายในโครงการแบ่งพื้นที่หลักๆได้ออกเป็น 2 ส่วน
-MISHIMA SKYWALK
ให้เดินไปตามลูกศรสีแดง จากจุดจอดรถบัสเดินไปทางซ้าย จะไปถึงจุดจำหน่ายตั๋วเข้าไปยังสะพาน ข้ามสะพานไปสุดที่ "ป่าของ Kicoco"
-SKY GARDEN
เดินไปทางเส้นลูกศรสีเขียว จากจุดลงรถบัสเดินตรงเข้าไปจะผ่านร้าน Skywalk Coffee ไปเจอบันไดเลื่อนขึ้นไปบ้านเรือนกระจก Sky Garden
รถบัสจะวิ่งมาจอดหน้าโครงการเลย พอลงจากรถบัสเราเดินมาทางซ้ายมาเที่ยวสะพานกันก่อน เดินตรงมาเรื่อยๆจะมาเจอ Ticket Office ถ้าจะมาซื้อบัตรผ่านทางตรงนี้จะต้องซื้อในราคา 1,000 เยน สำหรับคนที่ซื้อบัตรพร้อมกับตั๋วรถบัสที่จุดจำหน่ายตั๋วหน้าสถานีรถไฟก็จะต้องนำบัตรมาแลกบัตรผ่านทางตรงนี้อีกที
พอเดินผ่านจุดจำหน่ายตั๋วเข้ามาก็จะมาถึงลานกว้างๆตรงหัวสะพานข้ามหุบเขา บริเวณนี้จะเป็นจุดถ่ายรูป มีป้ายโลโก้ Mishima Skywalk ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปแนวสะพานและภูเขาไฟฟูจิไว้เป็นที่ระลึก
วิวจากบนสะพานเราสามารถมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบได้แบบ 360 องศา จากจุุดนี้สามารถมองเห็นวิวของเมือง Hakone จากมุมสูง วิวของอ่าว Suruga Bay และคาบสมุทร Izu Penninsula โดยมีภูเขาไฟฟูจิตั้งเด่นเป็นสง่าในมุมมองที่แต่งต่างไปจากสถานที่อื่น มันก็จะเสียวๆหน่อยขณะเดินอยู่บนสะพาน โดยเฉพาะเวลาที่มีลมพัดมาแรงๆสะพานจะแกว่งๆ
เมื่อข้ามสะพานไปอีกฟากนึงแล้ว ก็จะเจอซุ้มขายอาหารของทานเล่นอยู่ ที่เห็นดูน่ากินก็จะมีไก่ทอดราดครีมซอส อีกร้านคือร้านขายมันฝรั่ง เส้นยาวมากกก ดูจากกรรมวิธีการทำของเค้าแล้ว คือเค้าไม่ได้ใช้มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นมาทอด แต่จะเอามันฝรั่งไปบดก่อนแล้วค่อยรีดออกมาเป็นเส้นยาวๆนำไปทอด รสชาติมันจะกรอบนอกนุ่มใน อร่อยดี
ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งคือ ป่าของคิโคะโระ (Kicoro) เป็นเส้นทางเดินป่าเรียนรู้ธรรมชาติแบบเก๋ๆ มีป้ายบอกวิธีการสร้างวงจรชีวิตของป่าที่มีการเก็บเกี่ยวเพื่อใช้งานและมีการปลูกต้นไม้ใหม่ขึ้นทดแทน มีการเอาไม้ทรงรีมาสร้างสรรค์ตกแต่งในรูปแบบงานศิลปะ จนไปถึงประตูจำลองขนาดจิ๋วที่มีข้อความชวนรักธรรมชาติติดอยู่ตามต้นไม้ด้วย
ประตูขนาดจิ้วติดตามต้นไม้เป็น Gimmick เล็กๆ เปิดประตูออกมามีข้อความชวนให้รักธรรมชาติ มันก็ดูน่ารักดีนะ กลายเป็นจุดให้คนมาถ่ายรูปเล่นกัน
มาถึงที่นี้แล้วก็อย่าลืมหาซื้อ Wood Charm หรือเครื่องรางแผ่นไม้ ที่ภายในจะบรรจุเมล็ดพันธุ์ไม้ต่างๆเอาไว้ ให้เรานำไปอธิฐานขอพร แล้วไปปล่อยบนสะพานให้แผ่นไม้ลอยจากสะพานปลิวไปตามสายลมตกลงไปข้างล่าง เพื่อให้เมล็ดพันธุ์งอกงามเจริญเติบโต เป็นการส่งของขวัญกลับคืนสู่ธรรมชาติ
หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปอยู่บนสะพานจนพอใจแล้ว ก็เดินกลับมาทางเดิม มายังจุดที่ลงรถบัส คราวนี้เราจะไปตามเส้นสีเขียวตามแผนผังที่แสดงไว้ข้างต้น ก็เดินเลี้ยวเข้าไปตามลูกศรในภาพ ผ่านร้าน Skywalk Coffee เข้าไปจะไปเจอบันไดเลื่อน
พอขึ้นบันไดเลื่อนมาจะมาเจอบ้านเรือนกระจก ที่นี่แหละคือ Sky Garden ภายในตกแต่งด้วยพรรณไม้นาๆชนิด มีของฝากของที่ระลึกวางขายอยู่เต็มไปหมด
เสร็จจาก Mishima Skywalk เราก็เดินกลับมานั่งรถบัสที่ป้ายเดิม นั่งกลับมาที่สถานีรถไฟ Mishima Sta. เพื่อมาขึ้นรถไฟกลับ มีถ่ายรูปตารางเวลารถบัสขากลับไว้ สีน้ำเงินฝั่งซ้ายคือวันธรรมดา รถบัสจะมาทุกๆ 1 ชั่วโมง ส่วนฝั่งขวาสีแดงคือวันเสาร์อาทิตย์ ก็จะมีรถรอบพิเศษเพิ่มขึ้นมา
ก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ สำหรับคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว อยากจะหาที่เที่ยวใหม่ๆบ้าง ที่ Mishima Skywalk ก็เป็นอีกสถานที่นึงที่น่าสนใจ บรรยากาศดี วิวสวยๆ เป็นญี่ปุ่นในอีกมุมนึงที่ไม่ซ้ำซากจำเจครับ ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวนะครับ
ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ
ทริปนี้พามาเที่ยวสถานที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดชิซูโอกะ "Mishima Skywalk" เป็นสะพานแขวนคนดินที่มีความยาวถึง 400 เมตร ยาวที่สุดในญี่ปุ่น เอาชนะแชมป์เก่าคือสะพานแขวน Kokonoe Yume ในจังหวัดโออิตะ เพียงแค่ 10 เมตรเท่านั้น เป็นสะพานแขวนที่ทอดยาวข้ามหุบเขาสูงจากระดับพื้น 70.5 เมตร ถือเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมืี่อวันที่ 14 ธันวาคม 2015 นี้
พื้นที่แถบนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีพาสที่ออกมาใช้ในการเดินทางครอบคลุมได้ดีเท่าที่ควร จะมีก็แค่ Mt. Fuji Shizuoka Area Tourist Pass Mini เท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถใช้เดินทางมาจากเมืองใหญ่ๆ เช่นโตเกียวหรือนาโงย่าได้ เพราะฉะนั้นการจะมาเที่ยวในจังหวัดชิซูโอกะแนะนำให้สำหรับผู้ถือบัตร JR All Area Pass เท่านั้น ถ้าจะจ่ายกันเป็นเที่ยวๆค่าโดยสารรถไฟแพงมาก การเดินทางมาจากโตเกียวหรือนาโงย่าสามารถนั่งรถไฟ Shinkansen ทั้งขบวน Kodama ซึ่งจะมีทุกๆครึ่งชั่วโมง และขบวน Hikari ซึ่งจะมีทุกๆ 2 ชั่วโมง แต่ขบวน Hikari จะใช้เวลาวิ่งน้อยกว่า
พอถึงสถานีรถไฟ Mishima Sta. ให้เดินออกทาง South Exit เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงไปจนสุดทางจะเจอป้ายรถบัสเบอร์ 5 ขึ้นรถบัสที่ป้ายเบอร์ 5 ไปลงป้าย Mishima Otsuribashi ใช้เวลานั่งรถประมาณ 20 นาที
ภายในโครงการแบ่งพื้นที่หลักๆได้ออกเป็น 2 ส่วน
-MISHIMA SKYWALK
ให้เดินไปตามลูกศรสีแดง จากจุดจอดรถบัสเดินไปทางซ้าย จะไปถึงจุดจำหน่ายตั๋วเข้าไปยังสะพาน ข้ามสะพานไปสุดที่ "ป่าของ Kicoco"
-SKY GARDEN
เดินไปทางเส้นลูกศรสีเขียว จากจุดลงรถบัสเดินตรงเข้าไปจะผ่านร้าน Skywalk Coffee ไปเจอบันไดเลื่อนขึ้นไปบ้านเรือนกระจก Sky Garden
รถบัสจะวิ่งมาจอดหน้าโครงการเลย พอลงจากรถบัสเราเดินมาทางซ้ายมาเที่ยวสะพานกันก่อน เดินตรงมาเรื่อยๆจะมาเจอ Ticket Office ถ้าจะมาซื้อบัตรผ่านทางตรงนี้จะต้องซื้อในราคา 1,000 เยน สำหรับคนที่ซื้อบัตรพร้อมกับตั๋วรถบัสที่จุดจำหน่ายตั๋วหน้าสถานีรถไฟก็จะต้องนำบัตรมาแลกบัตรผ่านทางตรงนี้อีกที
พอเดินผ่านจุดจำหน่ายตั๋วเข้ามาก็จะมาถึงลานกว้างๆตรงหัวสะพานข้ามหุบเขา บริเวณนี้จะเป็นจุดถ่ายรูป มีป้ายโลโก้ Mishima Skywalk ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปแนวสะพานและภูเขาไฟฟูจิไว้เป็นที่ระลึก
วิวจากบนสะพานเราสามารถมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบได้แบบ 360 องศา จากจุุดนี้สามารถมองเห็นวิวของเมือง Hakone จากมุมสูง วิวของอ่าว Suruga Bay และคาบสมุทร Izu Penninsula โดยมีภูเขาไฟฟูจิตั้งเด่นเป็นสง่าในมุมมองที่แต่งต่างไปจากสถานที่อื่น มันก็จะเสียวๆหน่อยขณะเดินอยู่บนสะพาน โดยเฉพาะเวลาที่มีลมพัดมาแรงๆสะพานจะแกว่งๆ
เมื่อข้ามสะพานไปอีกฟากนึงแล้ว ก็จะเจอซุ้มขายอาหารของทานเล่นอยู่ ที่เห็นดูน่ากินก็จะมีไก่ทอดราดครีมซอส อีกร้านคือร้านขายมันฝรั่ง เส้นยาวมากกก ดูจากกรรมวิธีการทำของเค้าแล้ว คือเค้าไม่ได้ใช้มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นมาทอด แต่จะเอามันฝรั่งไปบดก่อนแล้วค่อยรีดออกมาเป็นเส้นยาวๆนำไปทอด รสชาติมันจะกรอบนอกนุ่มใน อร่อยดี
ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งคือ ป่าของคิโคะโระ (Kicoro) เป็นเส้นทางเดินป่าเรียนรู้ธรรมชาติแบบเก๋ๆ มีป้ายบอกวิธีการสร้างวงจรชีวิตของป่าที่มีการเก็บเกี่ยวเพื่อใช้งานและมีการปลูกต้นไม้ใหม่ขึ้นทดแทน มีการเอาไม้ทรงรีมาสร้างสรรค์ตกแต่งในรูปแบบงานศิลปะ จนไปถึงประตูจำลองขนาดจิ๋วที่มีข้อความชวนรักธรรมชาติติดอยู่ตามต้นไม้ด้วย
ประตูขนาดจิ้วติดตามต้นไม้เป็น Gimmick เล็กๆ เปิดประตูออกมามีข้อความชวนให้รักธรรมชาติ มันก็ดูน่ารักดีนะ กลายเป็นจุดให้คนมาถ่ายรูปเล่นกัน
มาถึงที่นี้แล้วก็อย่าลืมหาซื้อ Wood Charm หรือเครื่องรางแผ่นไม้ ที่ภายในจะบรรจุเมล็ดพันธุ์ไม้ต่างๆเอาไว้ ให้เรานำไปอธิฐานขอพร แล้วไปปล่อยบนสะพานให้แผ่นไม้ลอยจากสะพานปลิวไปตามสายลมตกลงไปข้างล่าง เพื่อให้เมล็ดพันธุ์งอกงามเจริญเติบโต เป็นการส่งของขวัญกลับคืนสู่ธรรมชาติ
หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปอยู่บนสะพานจนพอใจแล้ว ก็เดินกลับมาทางเดิม มายังจุดที่ลงรถบัส คราวนี้เราจะไปตามเส้นสีเขียวตามแผนผังที่แสดงไว้ข้างต้น ก็เดินเลี้ยวเข้าไปตามลูกศรในภาพ ผ่านร้าน Skywalk Coffee เข้าไปจะไปเจอบันไดเลื่อน
พอขึ้นบันไดเลื่อนมาจะมาเจอบ้านเรือนกระจก ที่นี่แหละคือ Sky Garden ภายในตกแต่งด้วยพรรณไม้นาๆชนิด มีของฝากของที่ระลึกวางขายอยู่เต็มไปหมด
เสร็จจาก Mishima Skywalk เราก็เดินกลับมานั่งรถบัสที่ป้ายเดิม นั่งกลับมาที่สถานีรถไฟ Mishima Sta. เพื่อมาขึ้นรถไฟกลับ มีถ่ายรูปตารางเวลารถบัสขากลับไว้ สีน้ำเงินฝั่งซ้ายคือวันธรรมดา รถบัสจะมาทุกๆ 1 ชั่วโมง ส่วนฝั่งขวาสีแดงคือวันเสาร์อาทิตย์ ก็จะมีรถรอบพิเศษเพิ่มขึ้นมา
ก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ สำหรับคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว อยากจะหาที่เที่ยวใหม่ๆบ้าง ที่ Mishima Skywalk ก็เป็นอีกสถานที่นึงที่น่าสนใจ บรรยากาศดี วิวสวยๆ เป็นญี่ปุ่นในอีกมุมนึงที่ไม่ซ้ำซากจำเจครับ ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวนะครับ
ปล.ชื่นชอบบทความ ช่วยกดไลท์กดแชร์ Facebook Fan Page ด้านล่างสุด จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น